ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ร่วงไปแล้วกว่า 10 จุดตามทิศทางตลาดต่างประเทศ จากความกังวลปัจจัยภายนอก ทั้งผลกระทบจากนโยบายปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูนิเนียมของสหรัฐ ซึ่งหลายประเทศออกมาระบุถึงมาตรการตอบโต้กันแล้ว รวมทั้งกังวลการเลือกตั้งของอิตาลีในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ยังไม่ชัดเจนว่าพรรคใดได้เสียงข้างมาก นอกจากนั้นยังไร้ปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุน
เมื่อเวลา 11.49 น.ดัชนี SET มาอยู่ที่ 1,801.96 จุด ลดลง 10.02 จุด (-0.55%)
ล่าสุด เมื่อเวลา 12.05 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 1,797.12 จุด ลดลง 14.86 จุด (-0.82%)
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นโลกมีความอ่อนแอลงหลังหมดช่วงประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ทำให้ตลาดฯ ไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาหนุน
ขณะที่เกิดความไม่แน่นอนจากหลายประเด็นเพิ่ม ทั้งเรื่องแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่อาจจะมากกว่าคาด และยังมีความกังวลเกี่ยวกับการเก็บภาษีการค้าของสหรัฐฯด้วย ซึ่งทำให้อาจเกิดความปั่นป่วนในค่าเงิน และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ก็เคลื่อนไหวในแดนลบ
นอกจากนี้ บ้านเราก็มีหุ้นหลายตัวที่มองแล้ว Valuation ค่อนข้างแพง ทำให้อาจเกิดแรงขายทำกำไรได้ โดยลดน้ำหนักการลงทุนลงและถือเงินสดเพิ่ม
พร้อมกันนี้ ให้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่จะออกมาในวันศุกร์นี้ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯในการประชุมเฟดช่วงวันที่ 20-21 มี.ค.นี้ หลังจากนั้นก็เตรียมติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ในประเทศงวดไตรมาส 1/61 ที่คาดว่าจะประกาศออกมาในช่วงต้นเดือน เม.ย.นี้ ดังนั้นในช่วงเดือน มี.ค.อาจจะไม่มีประเด็นบวกเข้ามาเพิ่ม คงมีแต่ปัจจัยลบจากต่างประเทศเข้ามาเป็นหลัก
พร้อมให้แนวรับ 1,790 จุด ส่วนแนวต้าน 1,820 จุด