นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ (JWD) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 9-10% จากปีก่อน จากการเติบโตที่มาจากธุรกิจหลักของบริษัทในลักษณะ organic growth เป็นหลัก เนื่องจากมีแนวโน้มการเติบโตดีทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ ธุรกิจคลังสินค้าและบริหารคลังสินค้า ธุรกิจขนส่งและกระจายสินค้า ธุรกิจรับรับฝากและบริหารยานยนต์ ธุรกิจรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางเรือและทางอากาศ ธุรกิจรับจัดเก็บเอกสารข้อมูล และธุรกิจรับขนย้ายบ้านและสำนักงาน
บริษัทตั้งเป้าจะรักษาระดับอัตรากำไรสุทธิในปีนี้ที่ 14-15% จากปัจจุบันอยู่ราว 13% ด้วยการควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ให้อยู่ในระดับเดิม ประกอบกับควบคุมต้นทุนทางการเงิน (finance cost) ทำให้คาดว่าทั้งอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิจะมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น
ขณะที่บริษัทวางงบลงทุนปี 61 ไว้ราว 2-3 พันล้านบาท โดยส่วนหนึ่งจะใช้ในการควบรวมและเข้าซื้อกิจการ (M&A) ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับกลุ่มโลจิสติกส์อาหาร และห้องเย็น ซึ่งปัจจุบันมีการเจรจาที่คาดว่าใกล้จะสรุปได้ภายในปีนี้แล้ว 3-4 รายในต่างประเทศ ส่วนการควบรวมและเข้าซื้อกิจการในประเทศคาดว่าจะชัดเจนในไตรมาส 3-4/61 ซึ่งจะช่วยทำให้บริษัทเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และบริษัทพยายามหาโอกาสทางธุรกิจอยู่ตลอดเวลา
นายชวนินทร์ กล่าวอีกว่า งบลงทุนอีกส่วนหนึ่งบริษัทจะใช้งบลงทุนในการปรับปรุงและขยายคลังห้องเย็นที่มหาชัยและบางนา ราว 400 ล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนมาจากการนำทรัพย์สินเข้าทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) และมีวงเงินที่สามารถออกหุ้นกู้ได้ราว 2.5 พันล้านบาท ประกอบกับ บริษัทมีความสามารถในการกู้สถาบันการเงินเนื่องจากอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ยังอยู่ในระดับต่ำที่ 0.7 เท่า ซึ่งบริษัทมีนโยบายจะรักษาให้ไม่เกิน 2 เท่า
"อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ปีนี้มีการแข่งขันสูง แต่บริษัทค่อนข้างมีความแตกต่างเนื่องจากมีตลาดที่ต้องการความเชี่ยวชาญรองรับชัดเจน ทั้งนี้มีการกระจายความเสี่ยงไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ทำให้มีจุดแข็งที่บริษัทสามารถเติบโตต่อได้ทั้งรายได้และกำไร"นายชวนินทร์ กล่าว