(เพิ่มเติม) CHAYO เคาะราคา IPO จำนวน 140 ล้านหุ้นที่ 2.88 บาท/หุ้น เปิดจอง 7-9 มี.ค.เข้าเทรด 22 มี.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 5, 2018 15:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ชโย กรุ๊ป (CHAYO) กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 140 ล้านหุ้น คิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ที่ราคาหุ้นละ 2.88 บาท จากมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยจะเปิดให้จองซื้อในช่วงวันที่ 7-9 มี.ค.นี้ โดยมี บล.เออีซี เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

ส่วนผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ได้แก่ บล.คันทรี่ กรุ๊ป, บล.เคที ซิมีโก้ , บล.โกลเบล็ก, บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) , บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) และ บล.แอพเพิล เวลธ์

ทั้งนี้ บริษัทจัดสรรหุ้น IPO เสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ จำนวน 105,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 75% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายครั้งนี้ , เสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัท 21,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 15%, เสนอขายต่อผู้บริหารและพนักงานของบริษัท 7,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 5% และ เสนอขายต่อบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับบริษัท 700,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 5%

บริษัทคาดว่าจะนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 22 มี.ค.61 ในกลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจการเงิน ใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "CHAYO"

ทั้งนี้ CHAYO และบริษัทย่อยซึ่งประกอบด้วย บริษัท บริหารสินทรัพย์ ชโย จำกัด (Chayo AMC) และ บริษัท ชโย คอลเซ็นเตอร์ จำกัด (Chayo Call Center) ดำเนินธุรกิจหลักที่เกี่ยวข้องกับการการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และให้บริการติดตามและทวงถามหนี้ โดยสามารถแบ่งประเภทธุรกิจตามลักษณะการดำเนินงานได้ทั้งหมด 3 ประเภท ประกอบด้วย ธุรกิจเจรจาติดตามทวงถามและเร่งรัดหนี้ ธุรกิจลงทุนและบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และธุรกิจศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า

นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เออีซี เปิดเผยว่า การกำหนดราคาเสนอขาย IPO ที่ 2.88 บาทต่อหุ้น เป็นระดับราคาที่เหมาะสม ประเมินจากแผนธุรกิจ และความสามารถการเติบโตในอนาคตของบริษัทฯ มั่นใจว่าด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ในฐานะที่ CHAYO เป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ และมีประสบการณ์การติดตามหนี้มาเป็นระยะเวลากว่า 20 ปี ซึ่งการเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai ครั้งนี้ จะเพิ่มขีดความสามารถทางธุรกิจ สร้างความเชื่อมั่นต่อสถาบันการเงินและหน่วยงานต่างๆ

ด้านนายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CHAYO กล่าวว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ราว 403.2 ล้านบาท จะนำไปใช้ประมูลซื้อกองสินทรัพย์ด้อยคุณภาพทั้งประเภทที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกันประมาณ 248-306 ล้านบาท นำไปจ่ายชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงินประมาณ 57-96 ล้านบาท และส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานประมาณ 19 – 38 ล้านบาท ซึ่งระยะเวลาในการใช้เงินอยู่ภายในปี 61

สำหรับพอร์ตหนี้ด้อยคุณภาพภายใต้การบริหารของบริษัทฯ มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยมูลหนี้ก่อนหักหลักประกันในช่วง 3 ปีย้อนหลังในปี 57-59 มีจำนวนประมาณ 20,330 ล้านบาท 25,930 ล้านบาท และ 26,680 ล้านบาทตามลำดับ ส่วนในงวดปี 60 บริษัทมีมูลหนี้ก่อนหักหลักประกันจำนวน 29,135.75 ล้านบาท โดยวางงบลงทุนราว 200-300 ล้านบาทต่อปีสำหรับซื้อสินทรัพย์ด้อยภาพทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกันเข้ามาบริหาร ซึ่งยังไม่รวมเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ จึงเชื่อว่า ในปี 61 หลังจากแผนการระดมทุนแล้วเสร็จ จะยิ่งเพิ่มขีดความสามารถในการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารได้มากยิ่งขึ้น

บริษัทมีรายได้รวม 206.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.4% จากปี 59 ที่มีรายได้รวม 197.86 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ในธุรกิจเจรจาและติดตามทางถามหนี้ และธุรกิจศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า (Call Center) ที่เติบโตขึ้น ขณะที่รายได้จากธุรกิจลงทุนและบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพลดลงเล็กน้อย ซึ่งเป็นไปตามภาพรวมเศรษฐกิจและการได้มาของกองทรัพย์สินด้อยคุณภาพ โดยในครึ่งหลังของปี 2560 บริษัทฯ สามารถการประมูลกองสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่มีหลักประกัน เข้ามาบริหารเพิ่มมากขึ้น โดยกองที่มีหลักประกันอยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนการดำเนินงานปกติของการบริหารกองสินทรัพย์ด้อยคุณภาพแบบที่มีหลักประกัน ส่งผลให้รายได้จากเงินให้สินเชื่อแก่สินทรัพย์ด้อยคุณภาพในปีนี้ยังไม่เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่จะเห็นผลภายใน 1 – 3 ปีข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม สัดส่วนรายได้หลักของบริษัทฯ ยังคงมาจากธุรกิจลงทุนและบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ 78.43% ของรายได้ทั้งหมด ธุรกิจให้บริการเจรจาติดตามทวงถามและเร่งรัดหนี้อยู่ที่ 18.26% ธุรกิจศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าอยู่ที่ 3.03% ส่วนที่เหลือเป็นรายได้อื่นๆ 0.28%

ด้านกำไรขั้นต้นในงวดปี 60 อยู่ที่ 132.74 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 58.24 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ประมาณ 64%อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ประมาณ 28% แม้กำไรสุทธิลดลงจากปี 59 เนื่องจากบริษัทมีต้นทุนในการให้บริการที่สูงขึ้นจากค่าใช้จ่ายทางกฏหมายและคอมมิชชั่นที่ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บทั้งในปัจจุบันและอนาคต ค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เพิ่มสูงขึ้น จากการฟอร์มทีมผู้บริหารมืออาชีพสำหรับเตรียมพร้อมขยายตลาด และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ที่เพิ่มสูงขึ้นในปี 60 รวมทั้ง มีค่าใช้จ่ายสำหรับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ซึ่งหลังจากเข้ามาระดมทุนได้ตามแผนที่กำหนดไว้ เชื่อว่า จะสนับสนุนให้บริษัทฯ สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแรงและต่อเนื่อง และสามารถสร้างกำไรที่ดีได้ในปี 61


แท็ก ชโย กรุ๊ป  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ