TICON วางโรดแมพ 3 ปีตั้งงบลงทุน 1 หมื่นลบ.เดินหน้าเพิ่มคลังสินค้าแบบ Buit-to-Suit ปีละ 100,000 ตร.ม.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 6, 2018 11:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวีรพันธ์ พูลเกษ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเนคชั่น (TICON) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทได้วางงบลงทุนรวม 1 หมื่นล้านบาท พร้อมวางโรดแมปแผนธุรกิจ 3 ปี ภายใต้ปรัชญาการดำเนินงานในการเป็น"ผู้สร้างสรรค์ประสบการณ์อันทรงคุณค่าเพื่อลูกค้า" เสมือนเพื่อนคู่คิดของลูกค้าและพันธมิตรที่พร้อมจะส่งมอบสินค้า โซลูชั่น และบริการที่ตรงความต้องการ

ทั้งนี้ บริษัทใช้นโยบายเชิงกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนองค์กรและพันธมิตรร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมไนการก้าวสู่อุตสาหกรรมยุค 4.0 และก้าวขึ้นสู่ผู้นำตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมในระดับอาเซียนในปี 63 ด้วยพื้นที่บริหารจัดการกว่า 3 ล้านตารางเมตร จากปัจจุบันมีพื้นที่บริหารจัดการรวมอยู่ที่ 2.7 ล้านตารางเมตร

บริษัทมองภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมจะมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยสนัลสนุนด้านต่างๆ ได้แก่ การลงทุนของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง การอนุมัติร่าง พ.ร.บ.รองรับการพัฒนาพื้นที่เขตระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) และนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ประกอบกับการลงทุนของภาคเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรม New S-Curve รวมถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่จะนำไปสู่การจัดเก็บและการกระจายสินค้า ส่งผลให้ความต้องการโรงงานและคลังสินค้าที่มีมาตราฐานสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

นายโสภณ ราชรักษา ผู้อำนวยการใหญ่ TICON กล่าวว่า แผนการดำเนินงาน 3 ปี จะใช้กลยุทธ์ Total Dimension มาขับเคลื่อนองค์กรในเชิงรุก 4 ด้าน ได้แก่ การรุกตลาดด้านจุดแข็งด้านบริการครบวงจร พร้อมเปิดธุรกิจใหม่ขยายฐานลูกค้า ด้วยการเพิ่มสัดส่วนในกลุ่มสร้างตามความต้องการของลูกค้าเป็น 100,000 ตารางเมตร/ปี พร้อมกำหนดขยายฐานลูกค้าผ่านเครือข่ายของกลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด (FPL) และยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรที่มีชื่อเสียงระดับสากลในการเปิดตัวธุรกิจใหม่เข้ามาหนุนการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซ และอุตสาหกรรมในกลุ่มNew S-Curve

การรุกสร้างนวัตกรรมให้องค์กรและผลิตภัณฑ์ โดยการปรับองค์กรให้สร้างนวัตกรรมทั้งในกระบานการทำงานและนวัตกรรมของและบริการต่างๆ การเพิ่มมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการเพิ่มเทคโนโลยีสมัยใหม่ การรวมจุดแข็งของบริษัทที่มีอาคารทั้งแบบพร้อมใช้ และสร้างตามความต้องการของลูกค้า เพื่อสร้างโครงข่ายผลิตและโลจิสติกส์ที่มีเอกลักษณ์ ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการผลักดันให้ธุรกิจเติบโตตามแผน

นายโสภณ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายภายในปี 63 จะเพิ่มอัตราการเช่าพื้นที่ให้เป็น 85% จากปัจจุบันอยู่ที่ 69% ด้วยการขยายพื้นที่ไปยังในประเทศ และต่างประเทศ ได้แก่ การขยายพื้นที่พัฒนาไปยังเขต EEC ร่วมมือกับพันธมิตรในกลุ่มผู้ถือหุ้น เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นจากนักลงทุนชาวต่างชาติ เช่น ญี่ปุ่น จีน และยุโรป ส่วนการขยายธุรกิจในต่างประเทศจะให้ความสำคัญกับตลาดอินโดนีเซียที่ยังเติบโตต่อเนื่อง และเริ่มขยายไปสู่ตลาดอาเซียน โดยอาศัยเครือข่ายธุรกิจของเฟรเซอร์ที่มีอยู่ในหลายประเทศ

ในปี 60 ที่ผ่านมา บริษัทได้มีการเพิ่มทุนให้กับกลุ่มเฟรเซอร์ พร็อพเพอร์ตี้ ทำให้บริษัทมีสภาพคล่องทางการเงินเพื่อใช้ในการลงทุนรองรับการขยายธุรกิจตามแผนงานอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกำหนดกลในการสร้างสมดุลโครงสร้างรายได้ธุรกิจ ระหว่างรายได้ที่เกิดขึ้นจากทรัพย์สิน และความเชื่อมั่นใน TREIT ที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพการเติบโตผ่านการขายสินทรัพย์แบบครบวงจร และรายได้อื่นๆ เพื่อสร้างความมั่นใจในการเติบโตระยะยาว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ