ศาลฎีกามีคำสั่งแก้คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในคดีที่นายศิวะ งานทวี ฟ้องร้องกลุ่ม บมจ.บ้านปู (BANPU) โดยในวันนี้ศาลฎีกามีคำสั่งให้กลุ่ม BANPU ชดใช้ค่านำข้อมูลสัมปทานเหมืองถ่านหินและโรงไฟฟ้าหงสาของนายศิวะไปใช้เป็นมูลค่า 1.5 พันล้านบาท พร้อมอัตราดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี นับตั้งแต่วันฟ้องในเดือน ก.ค.50 นอกจากที่แก้ไขนี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์
อนึ่ง คำตัดสินของศาลฎีกาดังกล่าว ทำให้ BANPU ไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายตามข้อเรียกร้องของนายศิวะ มูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
คดีดังกล่าวนายศิวะ และพวกเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งกล่าวหาว่ากลุ่ม BANPU หลอกลวงโดยเข้าร่วมทำสัญญาร่วมทุนกับกลุ่มนายศิวะ และพวก เพื่อประสงค์จะได้ข้อมูลสัมปทานเหมืองถ่านหิน รวมทั้งรายงานการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการโรงไฟฟ้าที่เมืองหงสาของ สปป.ลาว จากนั้นได้ใช้สิทธิไม่สุจริตในการรายงานเท็จ ทำให้รัฐบาลลาวยกเลิกสัมปทานเหมืองถ่านหินและโรงไฟฟ้าของนายศิวะและพวก เพื่อที่ BANPU จะได้เข้าทำสัญญากับรัฐบาลลาวเอง พร้อมทั้งเรียกค่าเสียหายมูลค่า 6.3 หมื่นล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค.50
จากนั้นศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 20 ก.ย.55 ให้กลุ่ม BANPU ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์มูลค่ารวม 3.1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น ค่าข้อมูล 4 พันล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี และค่าขาดประโยชน์เป็นเงินรายปี ช่วงปี 58-70 ปีละ 860 ล้านบาท และช่วงปี 71-82 ปีละ 1.38 พันล้านบาท ต่อมา BANPU ยื่นอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกฟ้องในคดีดังกล่าว ทำให้กลุ่มงานทวียื่นคัดค้านต่อศาลฎีกา
ผู้สื่อข่าวระบุว่า ในวันนี้ผู้พิกษาศาลฎีกา ระบุในระหว่างอ่านคำพิพากษาว่า ศาลฯ เห็นว่าฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาไม่สุจริตหลอกลวง และรับฟังไม่ได้ว่าเป็นการหลอกให้รัฐบาลลาวยกเลิกสัมปทานของกลุ่มงานทวี แต่ศาลฯ เห็นว่าจำเลยนำเอกสารข้อมูลที่เป็นข้อมูลสำคัญทางการค้าของฝ่ายโจทก์ไปใช้ในการพิจารณาดำเนินการโครงการโรงไฟฟ้าหงสา จึงให้แก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์บางส่วน เพราะทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์
ขณะที่มีรายงานข่าวจาก BANPU เปิดเผยว่า นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการบริษัท และนางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท จะมีการแถลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในช่วงบ่ายวันนี้