โบรกเกอร์เชียร์ "ซื้อ"หุ้นบมจ.อาม่า มารีน (AMA) โดยคาดกำไรสุทธิปี 61 จะเติบโตจากปีก่นอ ตามการรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มปีของเรือ 3 ลำที่ซื้อเพิ่มเข้ามา และรับรู้รายได้ของเรือลำใหม่ที่เพิ่งซื้อเข้ามาในช่วงต้นปี ประกอบกับ แผนการเพิ่มกองรถบรรทุกในปีนี้จะช่วยหนุนให้รายได้จากธุรกิจการขนส่งทางบกเติบโตขึ้นด้วย
ขณะที่ประสิทธิภาพการขนส่งมีแนวโน้มดีขึ้นหลังจากระยะเวลาการรอคอยรับน้ำมันหน้าโรงกลั่นลดลง รวมถึงมีแผนจะหาการขนส่งขากลับเพิ่มเติมเพื่อลดจำนวนเที่ยวเปล่า จากปัจจุบันที่มีอยู่เล็กน้อยจากการขนส่งไบโอดีเซลเท่านั้น
ราคาหุ้น AMA ปิดตลาดอยู่ที่ 16.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือ 1.21% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ลดลง 0.54%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) ทิสโก้ ซื้อ 20.40 โกลเบล็ก ซื้อ 20.50 เคจีไอ(ประเทศไทย) ซื้อ 22.00
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของ AMA ในปีนี้มีโอกาสเติบโตจากการขยายกองเรือและกองรถบรรทุก รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนและรอบความถี่รถที่ดีขึ้น สำหรับสำหรับการขนส่งทางรถบรรทุกและการขนส่งที่คาดจะเพิ่มขึ้น ขณะที่จะไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษเข้ามากระทบต่อผลประกอบการเหมือนในปี 60 ที่ผ่านมา
"ในปีนี้ AMA มีโอกาสที่จะเติบโตค่อนข้างมากด้วยการรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปีของการเพิ่มเรือและรถในปีก่อน ประกอบกับปีนี้จะไม่ได้มีค่าใช้จ่ายพิเศษทั้งการเอาเรือขึ้นซ่อมบำรุง และเรื่องของภาษีต่างๆ ที่เป็นผลกระทบต่อผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2-3 ปี 60 ที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมาอาจจะมีเรื่องของ Sentiment ที่ไม่ดีเข้ามาจากบริษัทแม่อย่าง PTG แต่จริงๆ แล้วรายได้ของ PTG เป็นสัดส่วนไม่มากเท่าไหร่นัก ไม่ได้เป็นผลกระทบต่อผลประกอบการ" นักวิเคราะห์ กล่าว
นักวิเคราะห์ กล่าวว่า AMA มีแผนที่จะเพิ่มเรือในปีนี้ 2-3 ลำ จากช่วงปลายปี 60 ที่มีกองเรือทั้งสิ้น 10 ลำ น้ำหนักบรรทุกรวม 89,981 เดทเวทตัน โดยในวันที่ 23 ม.ค.รับมอบเรือใหม่แล้ว 1 ลำ ขนาด 13,221 เดทเวทตัน ส่งผลให้จำนวนเรือเพิ่มมาอยู่ที่ 11 ลำ และมีน้ำหนักบรรทุกรวม 96,201 เดทเวทตัน ซึ่งจะเริ่มเดินเรือได้ในต้นมี.ค.นี้
ส่วนเรือลำที่สองคาดจะเริ่มเดินเรือได้ในต้น พ.ค.61 และเรือลำที่ 3 อยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าคาดจะได้ข้อสรุปในเดือน มี.ค.นี้ หากเจรจาสำเร็จคาดเรือลำที่ 3 จะเริ่มเดินเรือได้ในไตรมาส 3/61 โดยเรือทั้งหมดจะเป็นขนาด 13,000 เดทเวทตัน ซึ่งจะรองรับการให้บริการในเส้นทางจีน อินเดีย และเกาหลีใต้
นอกจากนี้ในปี 64-65 ยังมีแผนจะขยายเส้นทางเดินเรือไปยังอินเดียตะวันตก ซึ่งมีความต้องการสินค้าค่อนข้างมาก และบริษัทฯต้องเพิ่มขนาดเรือเพื่อรองรับเส้นทางดังกล่าว จากปัจจุบันเส้นทางการเดินเรือของบริษัทฯหลัก ๆ จะอยู่ที่เมียนมา อินเดียตะวันออก จีน และเกาหลีใต้
ในส่วนของการเพิ่มกองรถบรรทุกอีก 30 คันก็จะส่งผลให้มีกองรถบรรทุกรวมเป็น 180 คัน จาก 150 คันในปัจจุบัน โดยประสิทธิภาพการขนส่งมีแนวโน้มดีขึ้น หลังจากระยะเวลาการรอคอยหน้าโรงกลั่นลดลง นอกจากนี้ยังมีแผนจะหาการขนส่งสืนค้าขากลับเพิ่มเติมเพื่อลดจำนวนเที่ยวเปล่า จากปัจจุบันมีเพียงการขนส่งน้ำมันไบโอดีเซลที่ยังมีไม่มากนัก
ด้าน บล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานของ AMA ในปี 60 ออกมามากกว่าคาดถึง 35.4% จากเดิมคาดว่าทั้งปี 60 เติบโต 30% จากปี 59 ไม่ว่าจะเป็นจากทั้งกองเรือที่เพิ่มขึ้น หรือแก้ไขการจัดทำงบการเงินรวมก็ดี เป็นผลให้ฝ่ายวิจัยปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิในปี 61-62 จากการปรับสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 26.2% มาอยู่ที่ 28.2% ทรงตัวจากปี 60
ขณะที่ปรับลดอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้รวมจาก 10% มาอยู่ที่ราว 9.5% ในขณะที่รายได้รวมยังคาดเติบโตราว 30% เมื่อเทียบปีต่อปี แตะ 2 พันล้านบาท จากทั้งการ Operate เต็มปีของกองเรือ 10 ลำเดิม และการเพิ่มกองเรือใหม่อีกราว 2 ลำ
ส่วนปี 62 คาดรายได้เติบโตต่ออีก 15% จากปี 61 จากการ Operate เต็มปี และการเพิ่มกองเรืออีกอย่างน้อย 1 ลำ ภายใต้ D/E Ratio ที่ 0.82 เท่า และกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ 300 ล้านบาท/ปี สามารถซื้อเรือ Tanker ขนาด 13,000 เดทเวทตันได้ โดยรวมปรับกำไรปี 61 เพิ่มขึ้น 18% เป็นผลให้กำไรปี 61-62 จะเติบโตเฉลี่ยราว 18.2% มาที่ 300 และ 355 ล้านบาท
บทวิเคราะห์บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) ระบุว่า ผลการดำเนินงานของ AMA ในปี 61 คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตถึง 25% เป็น 317 ล้านบาท จากการรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มปีของเรือ 3 ลำที่ซื้อเพิ่มเข้ามาในปี 60 และการรับรู้รายได้จากเรือลำที่เพิ่งซื้อมาในต้นปีนี้เป็นจำนวน 3 ไตรมาสในปีนี้ ดังนั้น จึงคาดว่ารายได้จากธุรกิจการขนส่งทางทะเลจะโตถึง 43% เป็น 1.5 พันล้านบาท
นอกจากนี้ AMA ยังมีแผนจะซื้อรถบรรทุกน้ำมันใหม่เพิ่มอีก 30 คัน เป็น 180 คันภายในปี 61 ซึ่งจะช่วยหนุนให้รายได้จากธุรกิจการขนส่งทางบกโตเพิ่มขึ้น 15% เป็น 460 ล้านบาท ในขณะเดียวกันได้ปรับสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดิม 27.1% เป็น 27.9% เนื่องจากคาดว่าอัตราการใช้งานเรือจะดีขึ้นในปี 61