นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโส ฝ่ายการเงินและบริหาร บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) เปิดเผยว่า บริษัทมองภาพรวมธุรกิจปี 61 จะมีรายเติบโตมากกว่าระดับ 2.03 หมื่นล้านบาทในปีก่อน จากมองแนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็นราว 38 ล้านคนจากปีก่อนที่ 35 ล้านคน ส่งผลดีต่อธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรม โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีนที่คาดว่าจะเข้ามามากต่อเนื่องจากปีก่อน ประกอบกับในประเทศได้ผลดีจากนโยบายลดหย่อนภาษีในการท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด ซึ่งจะช่วยให้มีการท่องเที่ยวในเมืองรองมากขึ้น โดยบริษัทมีโรงแรมในเมืองรองในอ.แม่สอด จ.ตาก รวมถึงโรงแรมที่อุดรธานีและระยองที่บริษัทเป็นผู้รับบริหาร
โดยธุรกิจโรงแรมคาดว่าอัตราการเข้าพักจะอยู่ราว 81-82% จากปีก่อนที่ 82.7% โดยรายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPar) จะเติบโตราว 3-4% จากปีก่อนที่ 1.9% ซึ่งบริษัทจะปรับเพิ่มอัตราราคาห้องพักตามการเข้าพักที่เติบโตขึ้น จากการรับรู้โรงแรม COSI สมุยเต็มปี จำนวน 151 ห้อง และรับรู้รายได้จากโรงแรมและศูนย์ประชุมที่ศูนย์ราชการมูลค่ากว่า 1.1 พันล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ให้เติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 3%
ด้านธุรกิจอาหารมองการส่งออกและการท่องเที่ยวเป็นแรงขับเคลื่อนให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ (GDP) ของประเทศทำได้ไม่น้อยกว่า 4% อีกทั้งความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวขึ้นด้วย ประกอบกับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ทำให้มีกำลังซื้อ การบริโภค และการจับจ่ายใช้สอยกลับมาดีขึ้น โดยธุรกิจอาหารคาดว่าจะมีการอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (Same Store Sales Growth) ที่ 2-3% ทำให้คาดว่ายอดขายรวมของธุรกิจอาหารจะเติบโตราว 7-8% รวมถึงบริษัทมีแผนขยายสาขาในปี 61 เพิ่มขึ้น 7% จะทำให้มีสาขาจำนวนราว 900 สาขา จากเดิม 889 สาขา
นอกจากนี้ บริษัทวางงบลงทุนปี 61 ไว้ที่ 2.3 พันล้านบาท โดยจะใช้ในธุรกิจโรงแรม 1.2 พันล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในการปรับปรุงทั่วไป 560 ล้านบาท ใช้ในการสร้างและพัฒนาโรงแรม COSI พัทยา 280 ล้านบาท โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปี 62 รวมถึงปรับปรุงโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ 380 ล้านบาท และใช้ในธุรกิจอาหาร 1.1 พันล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนปรับปรุงทั่วไป 340 ล้านบาท ขยายสาขาใหม่ 460 ล้านบาท และอื่น ๆ อีก 260 ล้านบาท โดยเม็ดเงินลงทุนจะมาจากกระแสเงินสด (cash flow) ที่มีอยู่ซึ่งเพียงพอต่อการลงทุน
ทั้งนี้ บริษัทมีหุ้นกู้ที่ครบกำหนดในช่วงไตรมาส 3-4/61 จำนวน 700 ล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดว่าในปีนี้มีโอกาสที่จะออกหุ้นกู้เพิ่มเติมแต่อาจไม่เต็มจำนวน หรือถ้าออกจะต้องมีโอกาสในการลงทุนในโครงการใหม่เพิ่มเติม หรือการล็อคอัตราดอกเบี้ยคงที่ (fixed rate) ทั้งนี้ต้องดูแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในไทย หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่มีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้น 3 ครั้งในปีนี้ อย่างไรก็ตามบริษัทคาดว่าจะยังไม่มีการออกหุ้นกู้เพิ่มเติมเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากยังมี cash flow เพียงพอ
นายรณชิต กล่าวต่อว่า บริษัทมีการเจรจาควบรวมธุรกิจโรงแรมทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยในต่างประเทศมีความสนใจลงทุนในเวียดนามซึ่งเศรษฐกิจดีและมีอัตราการเติบโตสูง ซึ่งที่ผ่านมามีการพูดคุยเพื่อหาทางแต่มีข้อมูลบางส่วนที่ทำให้ตัดสินใจชะลอการลงทุนไว้ก่อน ส่วนธุรกิจอาหารบริษัทมีแผนขยายตลาดไปยัง mass market มากขึ้น