นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี (AGE) เปิดเผยว่า ในปี 61 บริษัทมีแผนการขยายธุรกิจโลจิสติกส์เพื่อรองรับความต้องการในการขนส่งทางเรือที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากการขนส่งทางเรือยังคงมีต้นทุนทางการขนส่งที่ถูกเมื่อเทียบกับการขนส่งโดยวิธีอื่น เช่นการขนส่งทางรถบรรทุกเป็นต้น โดยได้มีการตั้งงบลงทุนสำหรับต่อเรือใหม่จำนวน 10 ลำ ในไตรมาส 2/61 คาดว่าจะทยอยส่งมอบให้กับบริษัทตั้งแต่ไตรมาส 4/61
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 2/61 จะมีการส่งมอบเรือที่ได้มีการสั่งต่อไปในช่วงก่อนหน้านี้จำนวน 4 ลำ จากปัจจุบันที่มีเรือลำเลียง จำนวน 8 ลำ ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปี 61 บริษัทจะมีเรือลำเลียงเพิ่มเป็นจำนวน 12 ลำตามแผนที่เคยวางไว้ ซึ่งเป็นการรองรับความต้องการใช้เรือขนทางแม่น้ำเพิ่มขึ้น บวกกับการท่าเรือของบริษัทที่อยู่ในจุดเชื่อมต่อทั้งทางบก และทางน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งบริษัทมีการให้บริการลูกค้าทั้ง 2 รูปแบบ
ดังนั้น บริษัทจึงตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจโลจิสติกส์ทั้งขนส่งทางบกและทางน้ำในปี 61 อยู่ที่ระดับ 5% ของรายได้รวม จากปีก่อนที่มีรายได้ 2.47% ของรายได้รวม หรือ 146.68 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าการเติบโตของรายได้รวมที่ 20- 25%
"ปัจจุบันในประเทศไทย ความต้องการใช้เรือลำเลียง เพื่อขนส่งสินค้ามีความต้องการมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าเกษตรซึ่งมีสัดส่วนถึง 60% ของมูลค่าตลาดรวม 1.5-1.8 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 60 ล้านตันต่อปี และที่เหลือก็จะกระจายไปยังถ่านหิน และอื่นๆ" นายพนมกล่าว
สำหรับภาพรวมธุรกิจถ่านหินในช่วงครึ่งปีแรกยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะมีปัจจัยกดดันจากหลายๆด้าน แต่บริษัทได้มีการทำการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ จีน และเวียดนาม ส่งผลให้ปัจจุบันมีออเดอร์ส่งมอบถ่านหินถึงไตรมาส 2/61 ประมาณ 4-5 แสนตัน จึงมั่นใจว่าปีนี้ผลการดำเนินงานของบริษัทจะเติบโตของยอดขายรวมตามเป้าที่วางไว้ 20-25% แบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ 30% และในประเทศจะอยู่ที่ 70% โดยตั้งเป้ายอดขายถ่านหินทั้งปีที่ระดับ 3 ล้านตัน