นายอาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กล่าวว่า การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ จูเลียส แบร์ เพื่อให้บริการไตรเวทแบงก์กิ้ง เป็นอีกก้าวที่สำคัญที่ธนาคารจะช่วยให้ลูกค้าคนพิเศษได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจากโอกาสในการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ คาดว่าจะผลักดันการเติบโตและสร้างปรากฎการณ์ครั้งใหม่ให้กับธนาคารให้สามารถเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ของธุรกิจไพรเวทแบงกิ้งเป็น 2 เท่าภายใน 3-5 ปีตามที่วางแผนไว้
ทั้งนี้ SCB เข้าร่วมทุนกับ จูเลียส แบร์ จัดตั้งบริษัทร่วมทุน 1 บริษัทเป็นประเภทบริษัทหลักทรัพย์ โดยธนาคารถือหุ้น 60% และ จูเลียส แบร์ ถือหุ้น 40% ซึ่งบริษัทร่วมทุนดังกล่าวมีทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1,800 ล้านบาท ขอบเขตการทำธุรกิจ คือ สามารถให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าในประเทศไทย เกี่ยวกับการลงทุนในต่างประเทศ ข้อมูลและประสบการณ์ด้านการลงทุนในต่างประเทศเพื่อบริหารความมั่งคั่งให้แก่ลูกค้า พัฒนาบุคลากรและความรู้เกี่ยวกับการบริหารความมั่งคั่งในระดับสากล
อนึ่ง จูเลียส แบร์ ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 33 ปัจจุบันเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ดำเนินธุรกิจบริการด้านการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการบริหารความมั่งคั่งใน 25 ประเทศทั่วโลก โดยเมื่อสิ้นปี 60 สินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทมีมูลค่ารวม 388,000 สวิสฟรังก์ บริษัทให้บริการโดยให้คำปรึกษาที่จะสร้างประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า โดยไม่จำกัดเฉพาะการพิจารณาการลงทุนในผลิตภัณฑ์ด้านการเงินการธนาคารที่บริษัทเป็นเจ้าของเท่านั้น
นายอาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCB เปิดเผยว่า ธนาคารตั้งเป้าผลักดันให้ AUM เพิ่มเป็น 1.56 ล้านล้านบาทภายในปี 66 จากปัจจุบันอยู่ที่ 6.3 แสนล้านบาท โดยคาดว่าจะมีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 12,000 ราย จากปัจจุบัน 8,000 ราย หลังจากร่วมทุนกับจูเลียส แบร์
การความร่วมมือกับจูเลียส แบร์ ในครั้งนี้จะเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีขนาดสินทรัพย์ตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป มีช่องทางในการลงทุนเพิ่มมากขึ้นทั้งการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยพันธมิตรจะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเข้ามาเสนอให้กับลูกค้า เช่น หุ้นกู้ กองทุนส่วนบุคคลที่เป็นรูปแบบใหม่ที่ในไทยยังไม่เคยมี ซึ่งจะสามารถสร้างทางเลือกในการลงทุนให้กับลูกค้า โดยลูกค้าสามารถเลือกที่จะลงทุนด้วยตัวเอง หรือให้ธนาคารบริหารให้ ส่วนผลตอบแทนขึ้นกับลูกค้าที่จะยอมรับความเสี่ยงในแต่ละระดับ
สำหรับบริษัทร่วมทุนกับจูเลียส แบร์ นั้น จะมีการแต่งตั้งประธานเจ้าหน้าที่บริหารเข้าบริหารงานในเดือน พ.ค.นี้ ซึ่งในอนาคตหากจูเลียส แบร์ มีความต้องการถือหุ้นเพิ่มจาก 40% ก็สามารถทำได้ แต่ต้องไม่เกิน 49% โดยความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นการบูรณาการ ความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษา และ การบริหารความมั่นคั่งระดับโลกเพื่อเชื่อมโยงโอกาสการลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้กับลูกค้าผู้มีความมั่งคั่งระดับสูง
นายอาทิตย์ กล่าวอีกว่า SCB อยู่ระหว่างการขออนุญาตธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนดังกล่าว และขอใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อจัดตั้งเป็นบริษัทหลักทรัพย์ เพื่อทำธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ด้วย โดยคาดว่าจะสามารถจัดตั้งบริษัทร่วมทุนได้แล้วเสร็จและเริ่มดำเนินธุรกิจดังกล่าวภายในปลายปี 61