นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้น่าจะรีบาวด์ตามตลาดหุ้นในภูมิภาค โดยเป็นการรีบาวด์ทางเทคนิค ซึ่งมีปัจจัยบวกคลายกังวลมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมของสหรัฐฯ และการเลือกตั้งในประเทศมีความชัดเจนมากขึ้น น่าจะทำให้ความเสี่ยงน่าจะลดลงและน่าจะมีแรงซื้อคืนในหุ้นบางกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ Global play อย่างหุ้นปิโตรเคมี และหุ้นอุปโภคบริโภคในประเทศ อย่าง CPALL,BJC เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม วันนี้ต้องติดตามดูว่าตลาดหุ้นไทยจะสามารถยืนได้หรือไม่ ซึ่งจุดที่เหมาะสมไม่ควรหลุด 1,770 จุด พร้อมให้กรอบแนวรับที่ 1,765-1,770 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,785-1,795 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (8 มี.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,895.21 จุด เพิ่มขึ้น 93.85 จุด(+0.38%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,738.97 จุด เพิ่มขึ้น 12.17 (+0.45%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,427.95จุด เพิ่มขึ้น 31.30 จุด (+0.42%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 226.15 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน 3.02 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 203.75 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 24.50 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 10.35 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 13.99 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเพิ่มขึ้น 2.48 จุด,ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้น 5.17 จุด,ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 19.48 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (8 มี.ค.61) 1,778.90 จุด ลดลง 2.74 จุด (-0.15%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,547.93 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 มี.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (8 มี.ค.61) ปิดที่ระดับ 60.12
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (7 มี.ค.61) ที่ 7.66 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.38 ตลาดจับตาผลประชุม BOJ-ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ วันนี้
- บอร์ด ก.ล.ต.เลื่อนเคาะเกณฑ์คุม "ไอซีโอ" รอความชัดเจนกฎหมาย คาดรู้ผลใน 1 เดือน ขณะภาครัฐเตรียมวางแนวทางป้องปั่นเงินดิจิทัลผ่านตลาดรอง ย้ำต้องมีระบบการซื้อขายเหมาะสม พร้อมจี้ให้เปิดเผยข้อมูลเป็นรูปธรรม ด้าน "บิทคอยน์" ร่วงหนัก หลัง ก.ล.ต.สหรัฐ เล็งขึ้นทะเบียนแพลตฟอร์มซื้อขาย
- ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยเดือน ก.พ. 61 อยู่ที่ 79.3 ลดลงจากเดือนก่อนที่ 80 ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบ 7 เดือน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมืองและปัจจัยการเมืองที่เลื่อนเลือกตั้งออกไป ทำให้ค่าดัชนีความคิดเห็นสถานการณ์การเมืองลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 มีผลกระทบเชิงลบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนและนักลงทุน
- กระทรวงการคลังทำหนังสือถึงหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง เรื่องหลักเกณฑ์การขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณเหลื่อมปี ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการขยายเวลาเบิกจ่ายให้ถึงสิ้นเดือน มี.ค. 2561 ซึ่งขณะนี้ใกล้สิ้นสุดระยะเวลาที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีและขยายเวลาเบิกจ่ายเงิน และยังมีส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทัน
- รมว.คมนาคม เผยครึ่งแรกของปีนี้จะเร่งดันโครงการเสนอ ครม.และเปิดประมูลให้ได้ภายในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค. รวมมูลค่าโครงการราว 1.7 แสนล้านบาท ประกอบด้วย รถไฟทางคู่ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 217 กม. วงเงิน 5.9 หมื่นล้านบาท และ รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม ช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง ระยะทาง 8.5 กม.และรถไฟฟ้าสีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อพญาไท-มักกะสัน-หัวหมาก ระยะทาง 19 กม. วงเงินรวม 2 หมื่นล้านบาท จะเร่งเสนอ ครม.ภายใน เม.ย.ก่อนเปิดประมูล มิ.ย.
- ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งด้านอุปสงค์และอุปทาน นับตั้งแต่ไตรมาส 4/60 โดยเฉพาะตลาดที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลและจังหวัดหัวเมืองใหญ่ โดยปีนี้โต 8.2% บริษัทในตลาดผุดโครงการใหม่กว่า 6.11 แสนล้าน
*หุ้นเด่นวันนี้
- SCC (เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ) แนะนำ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 550 บาท/หุ้น มองสเปรดปิโตรเคมีในไตรมาส 1/61 สูงหนุนกำไรเดิ่น โดยสเปรดปิโตรเคมี PE – Naphtha เฉลี่ยในไตรมาส 1/61 ปรากฏว่าสูงเด่นถึง 803 เหรียญ/ตัน (+22%QoQ, +19%YoY) เนื่องจีนมีมาตรการห้ามใช้พลาสติกรีไซเคิล มาผลิตเม็ดพลาสติก ทำให้มีความต้องการเม็ดพลาสติกใหม่ประมาณ 2-3 ล้านตัน ซึ่งจะทำให้กำไรในไตรมาส 1/61 สูงเด่นถึงประมาณ 15,000 ล้านบาท (+19%QoQ, -14%YoY) อย่างไรก็ตามแนวโน้มไตรมาส 2-4 คาดสเปรดจะลดลง เนื่องจากจะมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามา 8 ล้านตัน แต่ปัจจัยแวดล้อมปัจจุบันมีแนวโน้มที่สเปรดจะยืนได้เหนือระดับ 700 เหรียญ/ตัน มากกว่าที่ประเมินไว้ตอนต้นปีประมาณ 650 เหรียญ/ตัน ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย P/E ที่ต่ำ 11.3 เท่า คาดรักษาระดับปันผล 19 บาท มีอัตราเงินปันผลตอบแทน 3.9%
- SC (เคทีบีฯ)แนะนำ"ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 5.00 บาท คาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 1/61 จะเติบโต YoY ได้ต่อเนื่อง จากการรับรู้รายได้แนวราบมากขึ้น โดย ณ สิ้นปี 60 มียอด Backlog แนวราบราว 2 พันล้านบาท ทยอยโอนได้ทั้งหมดใน ไตรมาส 1-ไตรมาส 2/61 รวมถึงรับรู้คอนโดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และคาดว่ากำไรไตรมาส 2/61 โตโดดเด่น จากจะเริ่มโอนโครงการ Saladaeng One ในช่วงปลายเดือน เม.ย.รวมถึงในงวดไตรมาส 4/61 จะเริ่มรับรู้โครงการ BEATNIQ ทั้งนี้ ส่งผลให้เรายังคงประเมินกำไรสุทธิปี 61 จะกลับมาเติบโตสูงและทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 2.07 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 64% YoY