นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.(PTT) เปิดเผยว่า กลุ่ม ปตท.จะยังคงชะลอการลงทุนใหม่ในอินโดนีเซียต่อไป แม้ล่าสุดทางรัฐบาลอินโดนีเซียจะถอนคำฟ้องคดีมอนทารา แต่ระบุเหตุผลว่าต้องการนำคำฟ้องไปแก้ไขใหม่หลังยื่นชื่อบริษัทที่จะฟ้องผิด
"เข้าใจว่าเขาใส่ชื่อผิดบริษัท เป็นเรื่องเทคนิค เลยถอนคำฟ้องนั้น เราก็คิดว่าเขาคงจะยื่นใหม่...การจะเข้าไปลงทุนใหม่ต้องขอความชัดเจนว่า ถ้ายังเป็นประเด็นอยู่ในศาลและเรายังเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในไทย การที่จะไปลงทุนเพิ่มเติมในขณะที่รัฐบาลเป็นผู้ฟ้องเราเองก็คงจะไม่เหมาะสม สิ่งที่มีอยู่เราก็จะรักษาไว้ ทำสิ่งที่มีอยู่ให้ดีที่สุด เพื่อพิสูจน์ว่าเราเป็นผู้ดำเนินการรับผิดชอบที่มีประสิทธิภาพ"นายเทวินทร์ กล่าว
อนึ่ง กลุ่มปตท.ประกาศระงับการพิจารณาลงทุนใหม่ในอินโดนีเซียทั้งหมด หลังมีคดีที่รัฐบาลอินโดนีเซียฟ้องร้อง PTTEP ตั้งแต่เดือนพ.ค.60 โดยเรียกค่าเสียหายจากเหตุการณ์น้ำมันและก๊าซธรรมชาติรั่วไหลจากแหล่งมอนทารา ในออสเตรเลีย ไหลเข้าสู่ทะเลติมอร์ เมื่อปี 52 เป็นจำนวนเงินประมาณ 2.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา
ขณะที่ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 ก.พ. กระทรวงสิ่งแวดล้อมและป่าไม้อินโดนีเซียได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องต่อศาลโดยให้เหตุผลว่าจะแก้ไขคำฟ้อง และศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้อง และจำหน่ายคดีออกจากสารบบความแล้ว
นายเทวินทร์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถที่จะระบุได้ชัดเจนว่ากลุ่ม ปตท.จะกลับไปพิจารณาลงทุนใหม่ในอินโดนีเซียเมื่อใด โดยคงต้องปล่อยสถานการณ์ไประยะหนึ่งเพื่อรอดูทิศทางและข้อสรุปซึ่งหากมีทิศทางที่ดีก็คงจะกลับมาพิจารณาการลงทุนใหม่อีกครั้ง แต่ก็มองว่าการที่กลุ่ม ปตท.ชะลอการลงทุนใหม่ในอินโดนีเซียนับเป็นการเสียโอกาสของทั้ง 2 ฝ่าย เพราะอินโดนีเซียนับเป็นประเทศที่มีทรัพยากรและประชากรมาก และเป็นตลาดใหญ่
หลังจากนี้ คาดว่าหากมีโอกาสได้เจอกับตัวแทนรัฐบาลอินโดนีเซียตามงานประชุมต่าง ๆ ก็คงจะมีการโอกาสได้หารือกันเพื่อทำความเข้าใจระหว่างกัน และกลุ่ม ปตท.ก็พร้อมที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติม
ปัจจุบัน กลุ่ม ปตท.ลงทุนในอินโดนีเซียทั้งในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม, เหมืองถ่านหิน และ มีการซื้อขายน้ำมันและปิโตรเคมีระหว่างกันก็ยังดำเนินการอยู่
นายเทวินทร์ กล่าวอีกว่า กลุ่ม ปตท.ก็ยังมองโอกาสการลงทุนใหม่ๆทั่วโลก แต่ก็ยังให้ความสำคัญในภูมิภาคเป็นหลัก โดยเฉพาะในเมียนมาที่เปรียบเหมือนเป็นบ้านที่ 2 เพราะ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) เข้าไปลงทุนมานานถึง 27-28 ปี ซึ่งกลุ่มปตท.มีประสบการณ์ในกลุ่มธุรกิจก๊าซรรมชาติ ขณะที่เมียนมาก็มีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น แนวคิดที่จะทำธุรกิจตลอดสายโซ่ธุรกิจก๊าซฯก็จะเป็นยุทธศาสตร์ที่จะเดินต่อไปในเมียนมา แต่จะทำได้หรือไม่ก็ขึ้นกับการพิจารณาของรัฐบาลเมียนมาด้วย
ขณะที่ ล่าสุดวันนี้ ปตท.และองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการเชิดชูเกียรติทหารผ่านศึก โดยปตท.จะมอบบัตรสิทธิพิเศษในการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการ ปตท. และร้านค้าที่ร่วมรายการ โดยทุกครั้งที่ใช้บริการด้วยบัตรดังกล่าว จะได้รับคะแนนเร็วขึ้นกว่าการสะสมคะแนนปกติ โดยสามารถนำคะแนนสะสมดังกล่าวใช้แทนเงินสด สำหรับซื้อสินค้าและบริการ หรือแลกของรางวัล และรับสิทธิพิเศษมากมายทั้งในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. และร้านค้าที่ร่วมรายการ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มออกบัตรสมาชิกแก่สมาชิกองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกกว่า 6 แสนคนภายในเดือนก.ย.นี้