นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เออีซี (AEC) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ.ชโย กรุ๊ป (CHAYO) กล่าวว่า หลังจากที่ได้เปิดขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 140 ล้านหุ้น ราคาเสนอขาย 2.88 บาท/หุ้น ระหว่างวันที่ 7-9 มี.ค.61 ปรากฎว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุนจองซื้อเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานของบริษัทที่มีศักยภาพสูงในการเติบโต มีความโดดเด่น มีอนาคตสดใส การกำหนดราคาที่ 2.88 บาท หากคำนวณ P/E Ratio โดยใช้กำไรสุทธิ 4 ไตรมาสย้อนหลัง (1 ม.ค.-31 ธ.ค.60) จะเท่ากับ 27.69 เท่า
"ราคาขายหุ้นไอพีโอที่ 2.88 บาทต่อหุ้น ถือเป็นระดับราคาที่น่าสนใจ หากนักลงทุนที่พลาดวันจองซื้อหุ้นไอพีโอ สามารถเข้ามาซื้อหุ้นบนกระดานได้ โดยจะเข้าเทรดวันแรกวันที่ 22 มีนาคมนี้ CHAYO จะเป็นหุ้น Growth Stock และ Dividend มั่นใจไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง" นายชนะชัย กล่าว
ด้านนายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CHAYO กล่าวว่า CHAYO ถือเป็นผู้ให้บริการที่มีความเชี่ยวชาญในการเจรจาติดตามทวงถามและเร่งรัดหนี้กว่า 20 ปี โดยบริษัทดำเนินงานอย่างมืออาชีพ มีมาตรฐาน ทำตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และสามารถรักษาชื่อเสียงของผู้ว่าจ้างได้เป็นอย่างดี ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ สามารถจัดเก็บหนี้ได้ตามเป้าหมายหรืออยู่ในระดับที่ผู้ว่าจ้างพึงพอใจ ส่งผลให้ได้รับมอบหมายงานจากผู้ว่าจ้างอย่างต่อเนื่อง และเป็นบริษัทที่มีศักยภาพมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและโดดเด่น
"การเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ครั้งนี้ จะทำให้ CHAYO เข้าถึงแหล่งเงินทุน และสามารถเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วตามแผนที่วางไว้ และมั่นใจทีมผู้บริหารจะดำเนินธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาลควบคู่กับการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น เชื่อว่าเมื่อ CHAYO เข้าซื้อขายเป็นวันแรกในวันที่ 22 มี.ค.จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน" นายสุขสันต์ กล่าว
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ 403.2 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะนำไปใช้รองรับการประมูลซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกันเข้ามาบริหาร โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้างบลงทุนที่จะใช้ซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหาร รวมทั้งการขยายธุรกิจเจรจา ติดตามและทวงถามหนี้ และธุรกิจศูนย์ข้อมูลลูกค้า (Call Center) ตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งจะช่วยให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่งและโดดเด่นต่อไป