บมจ.แสนสิริ (SIRI) ประกาศความร่วมมือกับ ไมโครซอฟท์ และ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟ เซอร์วิส (ADVANC) หรือ เอไอเอส เปิดตัวที่สุดแห่งนวัตกรรมเชื่อมโลกจริงและเสมือนจริง ‘Mixed Reality (MR)’ มาใช้ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ครั้งแรกกับ "MR Sales Gallery" ห้องตัวอย่างเสมือนจริงจำลองสภาพแวดล้อมให้ลูกค้าได้สัมผัสบรรยากาศของโครงการที่พักอาศัยได้แบบอินเทอร์แอ็คทีฟด้วยฟังก์ชันในการออกแบบและปรับเปลี่ยนห้องตัวอย่างได้ในทุกมุมมอง
นายทวิชา ตระกูลยิ่งยง ประธานผู้บริหารสายงานเทคโนโลยี SIRI กล่าวว่า ดิจิทัลแพลตฟอร์ม MR จะช่วยสร้างความแปลกใหม่และยกระดับประสบการณ์การซื้อที่อยู่อาศัยในวงการอสังหาริมทรัพย์ให้ล้ำไปอีกขั้น ขณะเดียวกัน MR ก็จะช่วยต่อยอดองค์ความรู้ทางด้านเทคโนโลยีให้กับพันธมิตรเอไอเอสและไมโครซอฟท์ เสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
เทคโนโลยี Mixed Reality (MR) คือการผสานจุดเด่นของเทคโนโลยี Virtual Reality (VR) และ Augmented Reality (AR) เข้าด้วยกัน และต่อยอดให้เหนือชั้นไปอีกขั้นด้วยการสร้างภาพจำลองที่ผู้ใช้งานสามารถมีปฏิสัมพันธ์ตอบได้ในสภาพแวดล้อมที่ผสานโลกจริงและโลกเสมือนจริงเป็นหนึ่งเดียว โดยเมื่อลูกค้าเข้าเยี่ยมชมห้องตัวอย่างดิจิทัล ลูกค้าจะต้องสวมอุปกรณ์ holographic computing devices ที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อให้สามารถแสดงผลของภาพเสมือนจริงหรือภาพ Hologram ได้โดยไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ใดๆ ทั้งยังออกแบบให้ควบคุมได้ง่ายด้วยมือเปล่า ซึ่งจะทำให้ผู้สวมใส่เสมือนกำลังเดินอยู่ในสถานที่จริงของโครงการซึ่งสร้างเสร็จแล้ว
ขณะเดียวกันก็ปรับแต่งการออกแบบและฟังก์ชันต่างๆ ได้ตามความต้องการของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนย้าย เปลี่ยนขนาดเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งต่าง ๆ เปลี่ยนสี เปลี่ยนวัสดุ ชมทัศนียภาพจากหน้าต่างเหมือนดังสถานที่จริง ตลอดจนปรับบรรยากาศได้ตามแต่ละช่วงเวลา ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยให้ลูกค้าสามารถเห็นภาพจำลองของโครงการได้อย่างสมจริง ทั้งยังสอดรับเทรนด์ Customization ตามแนวคิดของแสนสิริในการพัฒนาสินค้าและบริการตามแนวความคิด customer-centric ที่รังสรรค์สินค้าและบริการตามความพึงพอใจและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของลูกค้า นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถบันทึกรูปแบบของห้องตัวอย่างที่ตนเองได้สร้างสรรค์ขึ้นเป็นไฟล์ภาพหรือวีดิโอเพื่อประกอบการตัดสินใจแทนโบรชัวร์โครงการในอดีต
"โซลูชั่น Mixed Reality (MR) จะกลายเป็นนวัตกรรมสำคัญที่จะขับเคลื่อนกลยุทธ์ทางการตลาดและขายโครงการ ช่วยยกระดับประสบการณ์ในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ให้เหนือชั้นยิ่งกว่าเคย และสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และช่วยอำนวยความสะดวกในการขายลูกค้าตลาดต่างประเทศ ซึ่งจะสามารถเยี่ยมชมโครงการได้แม้ไม่ได้เดินทางมาด้วยตัวเองในสถานที่จริง เพื่อเป็นข้อมูลในการประกอบการตัดสินใจซื้อได้อย่างแม่นยำ รวดเร็วยิ่งขึ้น"นายทวิชา กล่าว
ทั้งนี้ SIRI เตรียมเปิดตัว MR Sale Gallery คอนเส็ปต์ใหม่ในไทยเดือน ก.ค.นี้ เพื่อนำร่องการใช้งานห้องตัวอย่างดิจิทัลกับโครงการแสนสิริ เบื้องต้นจะเปิดใช้พร้อมกับการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมรูปแบบใหม่ เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มการตัดสินใจซื้อของลูกค้าได้เร็วขึ้นราว 80-90% ขณะเดียวกันบริษัทก็จะนำเทคโนโลยี MR ไปใช้กับการนำเสนอโครงการในต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมี Sale Office อยู่ในฮ่องกงและจีน คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปี 62 และเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มสัดส่วนลูกค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้นแตะ 50% จากปีนี้อยู่ที่ราว 30-40%
นายทวิชา กล่าวว่า บริษัทคาดว่า MR Sale Gallery ยังจะช่วยลดต้นทุนการสร้างสำนักงานขายแต่ละแห่งได้ไม่น้อยกว่า 30% จากการลงทุนก่อสร้างปกติที่ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท รวมถึงบริษัทตั้งงบลงทุนด้าน R&D ในปีนี้ราว 50 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่อยู่ที่ 80 ล้านบาท
ด้านนายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป ADVANC กล่าวว่า การผนึกกำลังครั้งสำคัญนี้เพื่อเปิดประสบการณ์การอยู่อาศัยครั้งใหม่ โดยเอไอเอสได้พัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มใหม่ที่ล้ำสมัยอย่าง MR ที่ Customized ขึ้นมาด้วยทีมงานเอไอเอสที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในการตอบโจทย์ประสบการณ์การซื้อที่อยู่อาศัยของคนยุคใหม่
โดยครั้งนี้บริษัทได้นำเทคโนโลยี MR มาประยุกต์ใช้ในกับห้องตัวอย่างในรูปแบบดิจิทัลให้กับทางแสนสิริ เพื่อมอบประสบการณ์เสมือนจริงยิ่งกว่า ในการเลือกชมและเลือกซื้อที่อยู่อาศัยที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง พลิกโฉมรูปแบบการชมห้องตัวอย่างจากเดิมที่เคยมีมา
"เราเชื่อว่า ดิจิทัลแพลตฟอร์ม MR จะสามารถตอบโจทย์การทำธุรกิจ สร้างความแตกต่าง และเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ถือเป็นการก้าวไปอีกขั้น ในฐานะผู้สร้างสรรค์ Digital Platform เพื่อทุกธุรกิจ ซึ่งเอไอเอสมีศักยภาพความพร้อมทั้งด้าน Digital Infrastructure และทีมงานผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงพันธมิตรด้านเทคโนโลยีระดับโลกอย่างไมโครซอฟท์ ซึ่งมี Azure Cloud Platform ที่ทำให้ทีมงานของเอไอเอสสามารถออกแบบและ Customized ดิจิทัลโซลูชั่นส์และบริการใหม่ๆ ให้สอดคล้องกับลักษณะธุรกิจแต่ละประเภทโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นการสร้าง Business Model ใหม่ๆ ให้กับตลาดอีกด้วย" นายปรัธนา กล่าว