นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บล.ทิสโก้ กล่าวถึงภาพรวมตลาดหุ้นไทยในงานสัมมนา TISCO Updates ว่า จากสถิติย้อนหลัง 7 ปีพบว่ากว่า 70% ในช่วงเดือนมี.ค.- เม.ย. ของทุกปีเป็นช่วงที่หุ้นไทยจะปรับตัวขึ้น โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อหุ้นปันผลดีก่อนที่บริษัทจดทะเบียน(บจ.) จะประกาศจ่ายปันผล โดยหากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นหลังตรุษจีนและถือต่ออีก 1 เดือนหรือขายออกในสิ้นเดือน มี.ค. จะได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 2.8% หากถือไว้ 2 เดือนหรือขายออกช่วงสิ้นเดือนเม.ย.จะได้รับผลตอบแทนเฉลี่ย 4.8%
นอกจากนี้ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาพบว่าในช่วงเดือนมี.ค.- เม.ย.ของทุกปี นักลงทุนต่างประเทศจะเข้ามาซื้อหุ้นไทยสุทธิ 2-5 หมื่นล้านบาท สำหรับในปีนี้คาดว่านักลงทุนต่างประเทศจะเข้ามาซื้อหุ้นไทยสุทธิในช่วงเดือนมี.ค.- เม.ย. ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท สาเหตุที่เข้ามาลงทุนมาก เนื่องจากตั้งแต่เดือน ต.ค.60 จนถึงเดือน ก.พ.61 นักลงทุนต่างประเทศเทขายหุ้นไทยไปประมาณ 8 หมื่นล้านบาท และในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นไทยไปแล้ว 3.7 แสนล้านบาท แต่กลับเข้าลงทุนทุกประเทศในเอเชียแทน จึงมีความเป็นไปได้สูงที่จะเริ่มกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยเก็บไว้เพื่อรับเงินปันผลจากบริษัทจดทะเบียน
"ในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย.ตลาดหุ้นไทยเข้าสู่เทศกาลซื้อหุ้นรับเงินปันผลหรือ ‘Dividend Rally’ ซึ่งในช่วง 2 เดือนนี้ มองแนวรับดัชนีหุ้นไทยที่ 1,790 จุด แนวต้านที่ 1,850 - 1,880 จุด และคงเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปลายปีที่ 1,950 จุด ด้วยระดับ Forward P/E ที่ 17.2 เท่า และอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นที่ 12% โดยปัจจัยหนุนให้หุ้นไทยไปถึงระดับดังกล่าวคือ การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเดือนก.พ.62 รวมถึงนักลงทุนต่างประเทศเพิ่มน้ำหนักการลงทุน และราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูง"นายวิวัฒน์ กล่าว
นายวิวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับหุ้นที่แนะนำในเดือนนี้เน้นให้เข้าซื้อหุ้นที่จ่ายปันผลดี มีอัตราการจ่ายปันผลประมาณ 2.5% คือ BBL, SCB, AEONTS, EGCO, PTTGC, SCC, LH, ANAN
ทั้งนี้ งานสัมมนา TISCO Monthly GURU Updates เป็นหนึ่งในกิจกรรมสัมมนาที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือนเพื่อเผยแพร่บทวิเคราะห์และทิศทางการลงทุนเพื่อช่วยให้ลูกค้าทิสโก้และนักลงทุนบรรลุเป้าหมายทางการเงิน ตามกลยุทธ์ของทิสโก้ในการเป็นผู้แนะนำการลงทุนชั้นนำหรือ Top Advisory House