นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็ปเป้ (SAPPE) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์และเครื่องดื่มที่มุ่งเน้นนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์เรื่องสุขภาพ เปิดเผยว่า บริษัทปรับเป้ารายได้ปี 61 เป็นเติบโต 10-15% โดยจะเป็นการเติบโตทั้งในประเทศและต่างประเทศ จากเดิมที่ตั้งไว้ในระดับ 10%
ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทมีแผนออกผลิตภัณฑ์ใหม่ไว้ไม่ต่ำกว่า 10 SKU ในปีนี้ ซึ่งบริษัทได้เตรียมงบลงทุนไว้ราว 150 ล้านบาท โดยจะใช้ในการปรับปรุงไลน์การผลิตราว 50 ล้านบาท และส่วนที่เหลือเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน พร้อมทั้งเตรียมงบทำการตลาดไว้ราว 300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนไม่ต่ำกว่า 10% เนื่องจากมองภาพรวมตลาดเครื่องดื่มจะกลับมาเติบโตตามกำลังซื้อและการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนที่ดีขึ้น จากช่วงปี 59-60 ตลาดหดตัวลงจากปีที่ผ่านๆมา ในอดีตเคยเติบโตเฉลี่ย 4-5% ต่อปี
"การแข่งขันในประเทศรุนแรงมาก ทั้งเรื่องของราคา และด้านอื่นๆ แต่อย่างไรก็ตามบริษัทจะเน้นการพัฒนาด้านนวัตกรรมเป็นหลักในการที่จะแข่งขัน ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีและแข่งขันได้"นางสาวปิยจิต กล่าว
ด้านนายวรพงศ์ เกียรติดำรงวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด ของ SAPPE กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าผลักดันยอดขายในประเทศเติบโต 5% โดยจะชูแบรนด์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและความงามภายใต้แบรนด์ "เซ็ปเป้"ซึ่งในช่วงไตรมาส 2/61 บริษัทเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ บิวติ เจลลี่ ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่นอกเหนือจากกลุ่มเครื่องดื่ม เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในช่วงฤดูร้อนนี้
ส่วน "เพรียว คอฟฟี่" เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ในช่วงไตรมาส 3/61 หลังประสบความสำเร็จจากแคมเปญ "แค่เพรียวก็พอ แค่พอก็เพรียว" ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา
พร้อมกันนี้บริษัทเตรียมที่จะออกสินค้าใหม่เพิ่มเติมอีกในช่วงไตรมาส 4/61 ในรูปแบบ Healthy snack ด้วย
สำหรับตลาดต่างประเทศคาดว่าจะสามารถเติบโตได้ 15% หรือมีสัดส่วนการขายเพิ่มขึ้นเป็น 65-70% จากเดิมที่มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 63.6% โดยบริษัทจะเน้นการสร้างแบรนด์สินค้า "โมกุ โมกุ" เป็นหัวหอกในการทำตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มทั่วโลก ที่ปัจจุบันมีฐานลูกค้ากว่า 80 ประทศ เน้นการทำการตลาดที่เหมาะสมกับแต่ละประเทศ โดยเฉพาะการทำการตลาด ณ ช่องทางการจัดจำหน่าย และช่องทาง Online พร้อมมีแผนแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มเติมในปีนี้
นางสาวปิยจิต กล่าวถึง กลุ่มบริษัท ออล โคโค ที่บริษัทเข้าร่วมทุนในปี 59 นั้น บริษัทมีแผนจะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 51% จากเดิมที่ 40% ของทุนจดทะเบียนในช่วงไตรมาส 4/61 เพื่อเป็นการรองรับแผนรุกขยายช่องทางการจำหน่ายในตลาดต่างประเทศ หลังจากปีที่ผ่านมาธุรกิจของ ออล โคโค ประสบความสำเร็จอย่างมาก และมียอดขายสูงถึง 349 ล้านบาท หรือเติบโตได้ถึง 130% โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโตราว 15% หรือ 400 ล้านบาท
ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนที่จะขยาย Allcoco cafe ในต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 5 สาขาในปีนี้ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จากปัจจุบันมีสาขาในประเทศไทย 13 สาขา และในประเทศสหรัฐ และเกาหลีใต้ 2 สาขา ซึ่งจะช่วยเสริมการเติบโตของบริษัทในอนาคต
นอกจากนี้ บริษัทยังมองหาการเข้าซื้อกิจการใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง โดยยังเน้นในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเป็นหลัก โดยปัจจุบันบริษัทมีเงินสดในมือราว 1,000 ล้านบาท และมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) เพียง 0.2 เท่า