นายชัยศิลป์ แต้มศิริชัย ประธานกรรมการ บมจ.สหมิตรเครื่องกล (SMIT) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ 5 ปี (61-65) จะเติบโตแตะ 3 พันล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่าจะทำได้ 2.4 พันล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 2.18 พันล้านบาท เป็นไปตามทุกกลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้มาจากผลิตภัณฑ์เหล็กแข็งสำหรับทำแม่พิมพ์และบริการชุบเหล็ก 57.11% ,ผลิตภัณฑ์เครื่องจักรกลโรงงานและเครื่องมือ 27.57% และผลิตภัณฑ์อื่น 14.43% รวมถึงรายได้จากการบริการต่างๆ 0.89% ซึ่งในปีนี้ก็คาดว่าสัดส่วนรายได้น่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงเดิม
ทั้งนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างรอใบรับรอง NADCAP เพื่อให้สามารถชุบเหล็กแข็งชิ้นส่วนเครื่องบินได้ครบวงจรมากขึ้น คาดว่าจะได้รับใบอนุญาตในปี 62 ขณะที่ใบอนุญาต Quality Management System Standard: ISO 9001:2008 AND AS9100C (TECHNICALLY EQUICALENT TO EN 9100:2009 AND JISQ 9100:2009) บริษัทฯได้รับมาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นใบรับรองว่าโรงชุบของบริษัทสามารถชุบเหล็กแข็งชิ้นส่วนเครื่องบินเป็นรายแรกของประเทศไทย โดยคาดหากได้รับใบอนุญาตครบจะสามารถรับงานเข้ามาได้มากขึ้น ซึ่งมองว่าจะเห็นรายได้และกำไรเติบโตอย่างมีนัยสำคัญภายใน 3-5 ปี
ขณะที่บริษัทวางงบลงทุนปี 61 ไว้ที่ 100 ล้านบาท แบ่งเป็น การซื้อเตาชุบเข้ามาเพิ่มอีกจำนวน 3 เตาชุบ จากปัจุบันที่มีอยู่กว่า 20 เตาชุบ คาดว่าจะใช้งบลงทุนราว 80 ล้านบาท ติดตั้งแล้วเสร็จในช่วงปลายปีนี้หรืออย่างช้าต้นปีหน้า ซึ่งจะส่งผลต่อกำลังผลิตปรับตัวเพิ่มขึ้น เงินลงทุนส่วนที่เหลือจะใช้ในการถมที่ดินเพื่อก่อสร้างโรงงานและคลังสินค้าที่ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อรองรับผลิตภัณฑ์ใหม่