นายกมล บริสุทธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บมจ.ทีพีบีไอ (TPBI) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 61 เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ อยู่ที่ 4.78 พันล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการที่บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าในแต่ละผลิตภัณฑ์ ด้วยการเพิ่มคุณภาพกระบวนการการผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกกลุ่ม General Packaging เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดด้วยการพัฒนาสินค้าใหม่ เช่น บรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับภาคขนส่งเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ E-commerce
"บริษัทมีการปรับกลยุทธ์ Transforming และเริ่มรับรู้รายได้รายได้ของออเดอร์บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่มีส่วนผสมของพลาสติกรีไซเคิล ซึ่งเป็นออเดอร์ของซุปเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ในออสเตรเลีย"นายกมล กล่าว
สำหรับโครงการร่วมลงทุนในธุรกิจผลิตถุงพลาสติกในประเทศเมียนมา ซึ่งบริษัทมีการถือหุ้นในสัดส่วน 65%, MYANMAR STARGROUP ถือหุ้นในสัดส่วน 25% และบมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ถือหุ้นในสัดส่วน 10% เริ่มผลิตแล้วตั้งแต่เดือน ก.พ.61 ซึ่งกำลังการผลิต 300-400 ตันต่อเดือน คาดว่าจะมียอดขายประมาณ 100 ล้านบาทในปีนี้ โดยบริษัทจะพยายามขยายการผลิตเพิ่มเติมอีก
ด้านงบลงทุนในปีนี้บริษัทตั้งไว้ที่ 700-800 ล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนขยายกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์ Flexiblwe เพิ่มเป็น 150 ล้านเมตร/ปี จากปัจจุบัน 100 ล้านเมตร/ปี และการเพิ่มกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์ Mutilayer Film เป็น 11,000 ตัน/ปี จากปัจจุบัน 9,000 ตัน/ปี คาดว่าทั้ง 2 โครงการจะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ภายในครึ่งปีหลัง รวมถึงการลงทุนในส่วนของ Transforming
นอกจากนั้นยังจะใช้เพื่อการลงทุนเข้าเข้าซื้อกิจการที่เกี่ยวข้องและต่อยอดธุรกิจในต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแพคเกจจิ้งพลาสติก และกระดาษ โดยเงินลงทุนของบริษัทจะมาจากกระแสเงินสด เงินกู้ยืมสถาบันการเงิน และเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ที่เหลืออยู่ราว 600-700 ล้านบาท
ขณะที่การติดตั้งเครื่องผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบ Print on Demand เพื่อรองรับความต้องการผู้ประกอบการกลุ่มสตาร์ทอัพและเอสเอ็มอีที่ทำธุรกิจด้านอาหาร เวชภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์กลุ่มเครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยว ยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า หลังจากที่ติดตั้งเครื่องแล้วเสร็จ โดยได้รับคำสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงทำให้มั่นใจว่าสินค้ากลุ่ม Flexible Packaging จะเติบโตได้อย่างดี
ส่วนความคืบหน้าการเข้าลงทุนในบริษัท มินิมา เทคโนโลยี จำกัด ที่ประเทศไต้หวัน ภายหลังจากที่บริษัทได้ทำรายการประเมินมูลค่าทรัพย์สินแล้วพบว่า แนวโน้มของธุรกิจดังกล่าวยังไม่เติบโตเท่าที่ควร จึงส่งผลให้บริษัทชะลอการลงทุนเพิ่มเติม โดยบริษัทจะรักษาสัดส่วนการถือหุ้นไว้ที่ 2% จากเดิมคาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนเป็น 25%