นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ บลจ.กสิกรไทย ระบุว่า ยังคงมีมุมมองเชิงบวกสำหรับตลาดหุ้นจีนในขณะนี้ เนื่องจากราคาหุ้นซื้อขายอยู่ในระดับที่ไม่สูงและถูกกว่าหลายประเทศในเอเชีย บวกกับช่วงนี้ระดับราคาหุ้นย่อตัวลงมาถือเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าซื้อเพิ่มเติมสำหรับนักลงทุนที่พร้อมลงทุนในระยะยาว และสามารถรับความผันผวนในระยะสั้นได้ ในขณะที่หุ้นสหรัฐฯ ปัจจุบันระดับราคาหุ้นค่อนข้างแพง จึงแนะนำให้ชะลอการเข้าลงทุนเพิ่มเติม และรอประเมินสถานการณ์การลงทุนต่อไป
นายนาวิน กล่าวว่า บลจ.กสิกรไทย มีกำหนดจ่ายเงินปันผลกองทุนต่างประเทศ จำนวน 2 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนเปิดเค หุ้นยูเอส ดัชนีเอ็นดีคิว 100-A ชนิดจ่ายเงินปันผล (K-USXNDQ-A(D) ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.60 ถึงวันที่ 28 ก.พ.61 และกองทุนเปิดเค ไชน่าหุ้นทุน (K-CHINA) ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่ วันที่ 1 ก.ย.60 ถึงวันที่ 28 ก.พ.61
โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียน ณ เวลา 8.00 น.ของวันที่ 28 ก.พ.61 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลพร้อมกันในวันที่ 14 มี.ค.61 นี้ รวมมูลค่าเงินปันผลทั้งสิ้นกว่า 156 ล้านบาท
นายนาวิน กล่าวต่อไปว่า ผลการดำเนินงานของกองทุน K-USXNDQ-A(D) ในช่วง 3 เดือนย้อนหลังกองทุนให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 6.70% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 6.41% และในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา กองทุนให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 25.71% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 25.04% (ข้อมูล ณ 28 ก.พ.61) ซึ่งผลตอบแทนของกองทุนโดยรวมทั้งในระยะยสั้น และระยะยาวให้ผลตอบแทนที่ดีโดดเด่นใกล้เคียงกับเกณฑ์มาตรฐาน
เนื่องจากกองทุนหลักใช้กลยุทธ์การบริหารเชิงรับ (passive) ที่มุ่งหวังให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี NASDAQ-100 ซึ่งเป็นดัชนีอ้างอิง ซึ่งตั้งแต่ต้นปีดัชนี NASDAQ มีการปรับตัวขึ้นถึงประมาณ 7% โดยอานิสงส์จากการพุ่งขึ้นของราคาหุ้นกลุ่มไอที เนื่องจากดัชนีดังกล่าวจะประกอบไปด้วยหุ้นในกลุ่มไอทีเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนล่าสุดประกาศออกมาแล้วกว่า 97% บริษัทกลุ่มไอทีมีกำไรเติบโตถึงกว่า 20%
สำหรับในด้านปัจจัยที่ผู้ลงทุนต้องจับตาคือประเด็นเงินเฟ้อที่มีความเสี่ยงจะปรับขึ้น และมีแนวโน้มส่งผลกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วและแรงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ในขณะที่ประเด็นการเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมของประธานาธิบดีทรัมป์ ก็มีส่วนทำให้ตลาดกังวลว่าจะเป็นการเริ่มต้นสงครามการค้าหรือไม่ ซึ่งหลายหน่วยงาน ทั้งในสหรัฐฯและต่างประเทศไม่เห็นด้วย ซึ่งต้องรอติดตามสถานการณ์และข้อสรุปว่านโยบายดังกล่าวจะเดินหน้าไปต่อหรือไม่
ด้านผลการดำเนินงานกองทุน K-CHINA ให้ผลตอบแทนโดดเด่น โดยผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือน กองทุนให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 6.67% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ 6.26% และในช่วง 1 ปีให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 30.89% เกณฑ์มาตรฐาน ที่ 39.16% (ณ วันที่ 28 ก.พ. 61)
ทั้งนี้ กองทุน K-CHINA มีนโยบายลงทุนในหุ้นจีนผ่านกองทุนหลัก Fidelity Funds- China Focus ที่เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในประเทศจีนและฮ่องกง รวมถึงหลักทรัพย์ของบริษัทต่างประเทศที่มีธุรกิจในประเทศจีน โดยกลยุทธ์ของกองทุนหลักจะเน้นการลงทุนในหุ้นคุณค่า (Value Investing) โดยพิจารณาคัดเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ทั้งนี้กองทุนหลักบริหารจัดการโดย Fidelity หนึ่งในผู้จัดการกองทุนชั้นนำของโลก ซึ่งมีความเชี่ยญชาญและข้อมูลเชิงลึกในหุ้นจีนโดยเฉพาะ และมีประสบการณ์ลงทุนในตลาดหุ้นจีนยาวนานกว่า 18 ปี ด้านภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นจีนมีแนวโน้มขยายตัวที่ชัดเจน และเป็นไปในทิศทางเดียวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก