บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) ที่ระดับ "A+" ในขณะเดียวกันยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ "A+" ด้วย ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ไปใช้ชำระคืนหนี้ที่จะถึงกำหนดชำระ
อันดับเครดิตสะท้อนถึงฐานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทอันเนื่องมาจากสถานะทางการตลาดที่เข้มแข็งของบริษัทและความหลากหลายของธุรกิจทั้งในส่วนของประเภทและทำเลที่ตั้ง อันดับเครดิตยังคำนึงถึงลักษณะที่อ่อนไหวของธุรกิจโรงแรมและการแข่งขันที่รุนแรงของธุรกิจร้านอาหารและธุรกิจจัดจำหน่าย รวมทั้งภาระหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้นจากการขยายธุรกิจโรงแรมของบริษัทในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
ในปี 2560 บริษัทมีรายได้ 55,001 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากปีก่อนหน้า โดยการเติบโตมาจากเกือบทุกธุรกิจ นำโดยธุรกิจโรงแรมและการขายอสังหาริมทรัพย์ อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายอยู่ที่ 16.13% เพิ่มขึ้นจากที่ระดับประมาณ 15% ในช่วงปี 2558-2559 ซึ่งเป็นผลมาจากการควบคุมต้นทุนในธุรกิจร้านอาหารและการปรับรูปแบบการขายของธุรกิจบริการที่พักแบบแบ่งส่วนเวลา (Anantara Vacation Club) และการเพิ่มขึ้นของยอดขายอสังหาริมทรัพย์ที่มีอัตรากำไรสูง
ในปี 2560 โครงสร้างเงินทุนของบริษัทปรับตัวดีขึ้น โดยมีสาเหตุหลักมาจากเงินทุนที่เพิ่มขึ้นจากการใช้สิทธิในใบสำคัญแสดงสิทธิจำนวน 7,584 ล้านบาท อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่ปรับปรุงแล้วของบริษัทปรับตัวดีขึ้นจาก 57.68% ณ สิ้นปี 2559 มาอยู่ที่ระดับ 52.94% ณ สิ้นปี 2560 สภาพคล่องของบริษัทโดยวัดจากอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมที่ปรับปรุงแล้วก็ปรับตัวดีขึ้นจาก 15.54% ในปี 2559 มาอยู่ที่ระดับ 16.47% ในปี 2560 ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นจากปัจจุบันไปอยู่ที่ระดับประมาณ 20% ในอีก 2 ปีข้างหน้า
แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะมีผลประกอบการที่ดี และรักษาสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทเอาไว้ได้ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการมีธุรกิจที่หลากหลายทั้งประเภทและทำเลที่ตั้ง
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตของบริษัทในระยะ 12 เดือนข้างหน้ายังมีจำกัดเมื่อพิจารณาจากฐานะการเงินของบริษัทในปัจจุบัน ในขณะที่การปรับลดอันดับเครดิตของบริษัทอาจเกิดขึ้นได้ในกรณีที่บริษัทมีการลงทุนขนาดใหญ่โดยการก่อหนี้ ทั้งนี้ เนื่องจากความสามารถในการก่อหนี้เพิ่มของบริษัทมีจำกัดภายใต้อันดับเครดิตในระดับปัจจุบัน