พลตรีบุญเลิศ แจ้งนพรัตน์ ประธานกรรมการตรวจสอบ บมจ.อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น (IFEC) เปิดเผยว่า การตรวจสอบความไม่โปรงใสของการดำเนินงานต่างๆ รวมถึงการลงทุนต่างๆ ของ IFEC ที่เกิดขึ้น คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1 เดือน หลังจากเมื่อวันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้เข้าไปตรวจค้นอุปกรณ์และเอกสารต่างๆ ในสำนักงานของ IFEC เพื่อนำไปรวบรวมหาข้อเท็จจริจในการบริหารงาน และการลงทุนต่างๆ ที่มีความไม่โปร่งใสเกิดขึ้น
ในช่วงที่ตัวแทน ก.ล.ต.และ DSI เข้าไปตรวจค้นในออฟฟิศของ IFEC ยังพบกับนายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ อดีตประธานกรรมการบริษัท IFEC ยังคงนั่งทำงานอยู่ที่สำนักงานหลังจากถูก ก.ล.ต.กล่าวโทษเรื่องการทุจริตต่อหน้าที่ จากการไม่เปิดเผยข้อมูลการผิดนัดชำระตั๋วแลกเงิน และไม่แจ้งให้กรรมการ IFEC และบุคคลที่เกี่ยวข้องเปิดเผยเรื่องดังกล่าวผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งทางคณะกรรมการตรวจสอบมีความต้องการให้นายวิชัยยุติบทบาทในการบริหารงาน หลังจากที่ถูก ก.ล.ต.กล่าวโทษ ซึ่งเป็นไปตามระเบียบที่ถูกต้อง และเพื่อทำให้กระบวนการทำงานและการตรวจสอบต่างๆเดินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่น
"เรื่องของการตรวจสอบความไม่โปร่งใสที่คณะกรรมการตรวจสอบให้ข้อคิดเห็นและตั้งประเด็นสงสัยและสอบถามหลายครั้ง แต่ไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร ทำให้การทำงานยากลำบากมาก แต่ ณ วันนี้ คณะกรรมการตรวจสอบสบายใจมากขึ้น และยินดีที่ ก.ล.ต.และ DSI ได้เข้ามาตรวจค้นและตรวจสอบข้อมูล เอกสารที่สำนักงานของบริษัทเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งก็น่าจะยึดเอกสาร ข้อมูลจากอุปกรณ์ดักฟัง กล้อง วงจรปิด และเอกสารทางบัญชีการเงินที่สามารถตรวจสอบการลงทุนในต่างประเทศ การซื้อโรงแรมดาราเทวี การลงทุนของบริษัทลูกทุกบริษัท เพื่อนำไปตรวจสอบและสามารถดำเนินคดีลงโทษต่อผู้ที่กระทำความผิดและผู้ที่ เกี่ยวข้องสนับสนุนได้ภายใน 1 เดือน"พลตรีบุญเลิศ กล่าว
สำหรับประเด็นความไม่โปร่งใสของ IFEC ที่เกิดขึ้น ประกอบด้วย 1.การบริหารจัดการที่ผ่านมาอำนาจอยู่ที่คนๆ เดียวทั้งหมดทำไห้เกิดข้อผิดพลาดในการบริหาร 2. มีการปกปิดข้อมูลเชิงลึกซึ่งควรรายงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.), ก.ล.ต., ประชาชน, ผู้ถือหุ้น, เจ้าหนี้ และสถาบันการเงิน นำมาซึ่งการตัดสินใจและการบริหารผิดทิศทางนำความเสียหายมาสู่องค์กร
4. มีการทุจริตฉ้อโกงเกิดขึ้นในบริษัทฯตั้งแต่ 57-59 เป็นต้นมาและมีการต่อสู้ฟ้องร้องกันไปมาอยู่ในขณะนี้ 5. มีการเพิ่มรายได้จากการออกตั๋วทางการเงินประเภทต่างๆ กว่า 7.5 พันล้านบาท แต่ไม่สามารถตรวจสอบเชิงลึกว่าเงินหายไปไหน มีการปิดบังข้อมูลจากการร้องขอของประธานตรวจสอบหลายครั้ง ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวทำไห้บริษัทมีหนี้รวมดอกเบี้ยราว 8.5 พันล้านบาท 6. การเข้าไปซื้อโรงแรมดาราเทวีราว 4.17 พันล้านบาทในลักษณะเร่งรีบทำไห้ราคาซื้อเกินกว่ามูลค่าความเป็นจริง
ทั้งนี้ หากมีความชัดเจนเกี่ยวกับผลการตรวจสอบความโปร่งใสของการบริหารงานและการลงทุนต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาและสามารถหาบุคคลที่เข้ามารับผิดชอบได้แล้ว คณะกรรมการตรวจสอบเตรียมที่จะร้องขอต่อ ก.ล.ต.ให้ช่วยร้องต่อศาลเพื่อนำไปสู่การแต่งตั้งประธานกรรมการบริษัทชั่วคราวมาทำหน้าที่จัดการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการบริษัท เพราะปัจจุบันคณะกรรมการบริษัทเหลืออยู่ 2 คน ทำให้ไม่สามารถเปิดประชุมผู้ถือหุ้นได้
พลตรีบุญเลิศ กล่าวว่า อำนาจสูงสุดในการอนุญาตให้เปิดประชุมผู้ถือหุ้นได้นั้นอยู่ที่ศาล ซึ่งตามระเบียบของศาลนั้นจะต้องให้บริษัทร้องขอหน่วยงานราชการเข้ามาช่วยในการร้องต่อศาลเพื่อแต่งตั้งประธานกรรมการบริษัทชั่วคราวและเปิดประชุมผู้ถือหุ้น คาดว่าบริษัทจะสามารถแต่งตั้งประธานกรรมการบริษัทชั่วคราวและเปิดประชุมผู้ถือหุ้นได้ไม่เกินเดือน พ.ค.นี้
พลตรีบุญเลิศ กล่าวอีกว่า คณะกรรมการตรวจสอบเห็นควรให้คืนสิทธิทั้งหมดกลับไปยังผู้ถือหุ้นเพื่อให้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการบริษัทขึ้นมาใหม่ และเมื่อได้คณะกรรมการที่ประกอบไปด้วยบุคคลที่ผู้ถือหุ้นเห็นชอบร่วมกันว่ามีคุณสมบัติเหมาะสมแล้ว คณะกรรมการบริษัทจะได้ทำการปรับปรุงโครงสร้างการบริหารจัดการของกลุ่ม IFEC ใหม่ เพื่อให้การดำเนินงานและการบริหารจัดการของ IFEC เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลที่ดีอย่างแท้จริงต่อไป
โดยปัจจุบันรายได้ของ IFEC มาจากการให้บริการงานบริหารภายในองค์กรแก่บริษัทลูกของ IFEC ที่ในฐานะผู้ว่าจ้าง ซึ่งบริษัทลูกของ IFEC ที่มีอยู่ทั้งหมดยังคงดำเนินธุรกิจตามปกติและมีรายได้จากการดำเนินธุรกิจเข้ามา ส่วนแหล่งเงินทุนของบริษัทลูกยังคงมาจากกระแสเงินสดของแต่ละบริษัท และเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน