ทริสฯจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ชุดใหม่ วงเงินไม่เกิน 3 พันลบ.ของ SPALI ที่ "A/Stable"

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 15, 2018 14:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บมจ.ศุภาลัย (SPALI) ) ที่ระดับ "A" ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ "A" ด้วย

อันดับเครดิตสะท้อนถึงผลงานของบริษัทที่ได้รับการยอมรับในตลาดพัฒนาที่อยู่อาศัยในประเทศไทย ตลอดจนแบรนด์ของสินค้าที่เป็นที่รู้จักในตลาดที่อยู่อาศัยระดับราคาปานกลาง ความสมดุลของพอร์ตอสังหาริมทรัพย์ และฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัท อย่างไรก็ตาม หนี้ภาคครัวเรือนทั่วประเทศที่ยังอยู่ในระดับสูงและลักษณะของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลงและมีการแข่งขันสูงยังคงเป็นประเด็นกังวลต่ออันดับเครดิต

บริษัทมีการลงทุนในโครงการต่างประเทศและในสินทรัพย์ที่สร้างรายได้สม่ำเสมอ แต่การลงทุนดังกล่าวยังสร้างรายได้และกำไรในสัดส่วนค่อนข้างน้อยในปัจจุบัน อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับเพิ่มขึ้นหากการลงทุนดังกล่าวสร้างรายได้และกำไรในสัดส่วนที่สูงขึ้น

รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยอยู่ที่ 25,000 ล้านบาทในปี 2560 อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการทำกำไรลดต่ำลงในช่วงที่ผ่านมา อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานลดลงเป็น 27.3% ในปี 2560 จากระดับที่สูงกว่า 30% ในอดีต ทั้งนี้ แม้อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานจะลดลง แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับที่สูงกว่าบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายอื่นๆ ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตโดยทริสเรทติ้ง

ระดับการก่อหนี้ของบริษัทลดต่ำลง โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนลดลงเป็น 41.3% ในปี 2560 จากระดับสูงสุดที่เกือบ 50% ในปี 2558 ทริสเรทติ้งคาดว่าระดับการก่อหนี้จะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคตเนื่องจากบริษัทวางแผนจะพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่บนถนนสาทร อย่างไรก็ตาม ระดับการก่อหนี้จะไม่เพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากบริษัทเพิ่งออกใบสำคัญแสดงสิทธิ์ชุดใหม่ (SPALI-W4) ซึ่งมีราคาใช้สิทธิ์ต่ำกว่าราคาตลาด เงินที่ได้รับจากการแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิ์จะช่วยลดความจำเป็นในการกู้ยืมลง

แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาผลการดำเนินงานและฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้ โดยคาดว่าอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทจะไม่น้อยกว่า 20% ในขณะที่อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนจะยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่า 50% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง การปรับเพิ่มอันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นในกรณีที่ผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินของบริษัทแข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนั้น รายได้จากการลงทุนในต่างประเทศหรือสินทรัพย์ที่สร้างรายได้สม่ำเสมอที่เพิ่มมากขึ้นจะเป็นปัจจัยบวกต่ออันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัท ในทางกลับกัน ความสามารถในการทำกำไรหรือโครงสร้างเงินทุนของบริษัทที่ด้อยลงอย่างมีนัยสำคัญก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องมีการปรับลดอันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทลงในอนาคต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ