นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ โดยช่วงนี้เป็นช่วงที่จะต้องโฟกัสปัจจัยจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ ทั้งในเรื่องของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ที่จะลดการขาดดุลการค้ากับจีน และเรื่องการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า ซึ่งตลาดฯก็คาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ทุกคนก็ยังมองเห็นถึงความไม่แน่นอนอยู่ในหลายปัจจัยจากต่างประเทศ โดยเฉพาะปัจจัยจากสหรัฐฯที่จะต้องติดตาม อย่างสถานการณ์การเมือง หลังมีรายงานข่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ตัดสินใจปลดพลโทเฮอร์เบิร์ต เรย์มอนด์ แมคมาสเตอร์ ออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ
ขณะที่ปัจจัยในประเทศไม่ค่อยมีอะไร แต่ก็ยังมีลุ้นให้เกิดแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มทีวีดิจิทัล จากที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) พยายามที่จะเข้ามาช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจนี้ ขณะที่กลุ่มไฟแนนซ์อาจได้รับแรงกดดันจากที่มีข่าวออกมาว่า ทางการจะเข้ามาคุมเข้มมากขึ้นในเรื่องของการคิดดอกเบี้ย การติดตามหนี้
ด้านนตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะปรับตัวลงกัน พร้อมให้แนวรับ 1,800 จุด ส่วนแนวต้าน 1,825 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (15 มี.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,873.66 จุด พุ่งขึ้น 115.54 จุด (+0.47%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,747.33 จุด ลดลง 2.15 จุด (-0.08%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,481.74 จุด ลดลง 15.07 จุด (-0.20%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 72.58 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.90 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 178.07 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 8.21 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 2.73 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 3.03 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.79 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (15 มี.ค.61) 1,816.08 จุด เพิ่มขึ้น 2.68 จุด (+0.15%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,043.09 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 มี.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (15 มี.ค.61) ปิดที่ระดับ 61.19
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (15 มี.ค.61) ที่ 7.35 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.24 อ่อนค่าจากแรงซื้อดอลล์หลังตัวเลขศก.สหรัฐฯออกมาดี, รอดูการประชุม FED
- "วิษณุ"หารือ ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล ใช้ ม.44 พักชำระค่าใบอนุญาตทีวีดิจิทัล 3 ปี ลดค่าโครงข่าย 50% 2 ปี เสนอ คสช. 27 มี.ค. ขณะ"กสทช." เผยยังไม่ได้หารือประเด็นคืนใบอนุญาต ด้านสมาคมทีวีดิจิทัลระบุช่วยต่ออายุธุรกิจทีวีดิจิทัล หวังอีก 3 ปี สถานการณ์ดีขึ้น
- รัฐบาลสหรัฐกดดันจีน เร่งลดตัวเลขเกินดุลการค้าสหรัฐลง 100,000 ล้านดอลลาร์ "ทรัมป์"ขู่ถอนทหารออกจากเกาหลีใต้หากเจรจาการค้าไม่ได้ตามเป้า สรท.ชี้ผู้ประกอบการไทยไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่ควรเฝ้าระวัง
- "อุตตม" รับยุทธศาสตร์เศรษฐกิจชีวภาพยังไม่สามารถเสนอ "ครม." เพื่อรับการลงทุนขยายไปยังพื้นที่อื่นเชื่อมโยงกับอีอีซีได้ วงในแย้มยังติดปัญหาผังเมืองโดยเฉพาะพื้นที่ขอนแก่น มั่นใจไม่กระทบลงทุน ด้านกรมธุรกิจพลังงานรับลูกพาณิชย์เร่งวิเคราะห์ผลกระทบอียูแบนเชื้อเพลิงชีวภาพที่ผลิตจากน้ำมันปาล์ม
- ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 7-8% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงขาขึ้น ภาครัฐเดินหน้าพัฒนาโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ รวมไปถึงก่อสร้างรถไฟฟ้าหลายเส้นทาง ขณะที่หนี้สินภาคครัวเรือนยังเป็นปัจจัยที่จะต้องพิจารณาอย่างใกล้ชิด และเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจฟื้นตัว ปัจจุบันการพัฒนาโครงการของผู้ประกอบการ อสังหาฯ ยังออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลทำให้เกิดการจ้างงานทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมจำนวนมาก
- ธปท.เตรียมแก้ไข กม.เป็นเครื่องมือในการกำกับดูแลสถาบันการเงินเมื่อเกิดวิกฤต ฟื้นบทบาทกองทุนฟื้นฟูฯ ย้ำแก้ไขปรับปรุงเผื่ออนาคตและทำช่วงที่สถาบันการเงินเข้มแข็ง เล็งปรับประมาณการเศรษฐกิจ หลังมีการฟื้นตัวชัดเจน เตือนผู้ส่งออกอย่าประมาทค่าเงินบาทยังมีความผันผวน ควรป้องกันความเสี่ยง
- ธปท.จ่อทบทวนจีดีพีปี 2561 ใหม่ หลังพบสัญญาณบวกหนุนเศรษฐกิจอื้อ ชูพระเอกหลัก "ส่งออก-ท่องเที่ยว-นำเข้าสินค้า" หอการค้ามองเศรษฐกิจโตได้ถึง 4.5%
*หุ้นเด่นวันนี้
- PTTEP (กสิกรไทย) "ซื้อ"เป้า 140 บาท เป็นหนึ่งใน top picks ในกลุ่มพลังงาน ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีสำหรับกำไรปี 2560-63 ที่ 30% หนุนจากคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันและปริมาณยอดขายจะสูงขึ้น นอกจากนี้ ยังเล็งเห็น upside เพิ่มเติมได้ หาก PTTEP ชนะประมูลสัญญาสัมปทานแหล่งบงกช หรือกรณีที่ไปทำ M&A เพิ่มเติมได้
- JKN (เออีซี) "ซื้อ"เป้า 16.80 บาท ปี 61 คาดกำไรโต 22.7%YoY หนุนด้วยดีมานต์ลิขสิทธิ์คอนเทนต์ ซีรี่ย์เอเชียที่โตดีและแผนรุกตลาด CLMV ที่โตดีพร้อมรุกขยายตลาดกลุ่ม CLMV มากขึ้น + Upside 15.1% และแจก JKN-W1 ให้ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตรา 5 หุ้นสามัญ : 1 warrant จำนวน 108 ล้านหน่วย (อัตราใช้สิทธิ 1:1, ราคาใช้สิทธิ 15 บาท, อายุ 2 ปี, XW 2 พ.ค.)
- IRPC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 9 บาท แนวโน้มกำไร Q1/61 สดใส จาก Margin ทั้ง HDPE และ Propylene ที่สูงต่อเนื่อง พร้อมคาดกำไรปกติปีนี้ +22% Y-Y เป็น 1.33 หมื่นลบ. สูงสุดในกลุ่มเพราะ 1) การขยายการผลิต PPE, PPC 2) ประสิทธิภาพโรงกลั่นดีขึ้น 3) ไม่มีแผนปิดซ่อม 4) ประโยชน์จากโครงการ UHV ที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้โพรพิลีน 5) รับรู้รายได้เต็มปีจาก IRPC Clean Power และคาดปันผล 4.5% ต่อปี สูงไม่แพ้ตัวอื่นในกลุ่ม PTT