โบรกฯเชียร์"ซื้อ"BGRIM คาดกำไรปีนี้โตตามกำลังผลิตเพิ่ม ,รับผลบวกแผนร่วมทุนโซลาร์ฟาร์มในเวียดนาม-รีไฟแนนซ์

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 16, 2018 14:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ต่างแนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) คาดกำไรสุทธิในปี 61 เติบโตจากปีก่อน ตามกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) จะปรับตัวสูงจากปี 60 ขณะที่กำลังเจรจาเข้าร่วมทุนโครงการโซลาร์ฟาร์มในเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิต 400 เมกะวัตต์ ซึ่ง BGRIM จะถือหุ้น 55% โดยคาดจะประกาศผลดีลได้ในเดือนเม.ย.นี้ ก็จะเป็น Upside ที่จะรับรู้กำไรสุทธิในปี 62

พร้อมประเมินกำไรเติบโตโดดเด่นเฉลี่ย 24% ต่อปีในช่วง 5 ปีข้างหน้า ส่วนผลประกอบการไตรมาส 1/61 มีแนวโน้มเติบโตเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และงวดปีก่อน หลังโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 3 หรือ ABPR3 เดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) ใน 1 ก.พ.61 โดยมีกำลังผลิตตามสัดส่วนร่วมทุน 74 เมกะวัตต์

นอกจากนี้ BGRIM มีแผนออกหุ้นกู้ วงเงิน 1.8 หมื่นล้านบาทในช่วงครึ่งหลังปี 61 เพื่อรีไฟแนนซ์ซึ่งจะช่วยลดภาระดอกเบี้ย คาดว่าจะส่งผลดีต่อกำไรในปี 62

พักเที่ยงหุ้น BGRIM อยู่ที่ 27.25 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ลดลง 0.08%

          โบรกเกอร์                 คำแนะนำ          ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          เคทีบีฯ                      ซื้อ                36.50
          เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ             ซื้อ                34.00
          แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์             ซื้อ                34.00
          บัวหลวง                     ซื้อ                32.00
          กสิกรไทย                    ซื้อ                31.00
          เคจีไอ (ประเทศไทย)          ซื้อ                29.00

น.ส.ปวีณ์นุช ศรีตระกูล นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ราคาหุ้น BGRIM ที่ปรับตัวลงมาในช่วงนี้เป็นจังหวะเข้าเก็บหุ้น เนื่องจากมองว่าปีนี้จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ COD อีก 283 เมกะวัตต์ หรือเพิ่มขึ้น 28% มาเป็น 1,271 เมกะวัตต์ในสิ้นปี 61 รวมทั้งรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มปีของโรงไฟฟ้าที่เริ่มผลิตในปีก่อน ส่งผลให้กำไรสุทธิในปี 61 เติบโต 28% มาที่ 2.7 พันล้านบาท นอกจากนี้ค่าเอฟทีในปัจจุบันอยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยในปี 60 ประมาณ 2.9% และสูงกว่าในไตรมาส 1/60 อยู่ 6.3% ซึ่งหากค่าเอฟทีปรับขึ้นอีกก็จะเป็น Upside

ทั้งนี้ จากการพูดคุยกับผู้บริหาร BGRIM ทราบว่าอยู่ระหว่างศึกษาและเจรจาโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) ขนาดใหญ่ในเวียดนาม ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับนักลงทุนท้องถิ่น คาดว่าจะสรุปได้ภายในปีนี้ และจะรับรู้กำไรในปี 62 รวมทั้งจะเข้าลงทุนในโครงการชีวมวล ขนาด 4 เมกะวัตต์

นอกจากนี้ BGRIM มีแผนออกหุ้นกู้ วงเงินราว 1.8 หมื่นล้านบาทในช่วงครึ่งหลังปี 61 เพื่อใช้รีไฟแนนซ์ ซึ่งจะช่วยลดลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลงประมาณ 140 ล้านบาทในปี 62 คิดเป็น Upside 4% ของกำไรสุทธิที่คาดการณ์ไว้ในปี 62 ซึ่งจะมีการปรับประมาณการกำไรสุทธิในปี 62 อีกครั้ง

ด้านบล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้น BGRIM โดยเฉพาะโครงการโซลาร์ฟาร์ม ในเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิต 400 เมกะวัตต์ ที่ BGRIM จะถือหุ้น 55% เนื่องจากเห็นพัฒนาการที่ดีโดยปัจจุบันได้มีการเซ็น Termsheet กับพันธมิตรท้องถิ่นเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งคาดว่าจะสามารถประกาศดีลอย่างเป็นทางการได้ในช่วงเดือนเม.ย.61 ขณะที่โครงการดังกล่าวมีกำหนด COD กลางปี 62 สัญญา 20 ปี บนอัตราค่าไฟฟ้า FIT 0.0935 เหรียญสหรัฐ/หน่วย พร้อมประโยชน์ด้านภาษี คาดสร้างกำไรให้กับ BGRIM เพิ่มราว 200 ล้านบาท/ปี ทั้งนี้ อิงอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ที่ 12% ทั้งนี้หากรวมโครงการโซลาร์ฟาร์ม ที่เวียดนามเข้ามาจะสร้าง Upside ให้กับประมาณการกำไรสุทธิของราว 3-5% ในช่วงปี 62-63 และทำให้ราคาเหมาะสมหุ้นเพิ่มขึ้นอีกราว 1.5 บาท/หุ้น

ส่วนโครงการร่วมมือกับ SIEMENS เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้า มีความก้าวหน้าที่ดีซึ่งปัจจุบันสามารถลดจำนวนวันการซ่อมบำรุง โดยเฉพาะช่วงการซ่อมบำรุงใหญ่ (Major Overhaul) จากเฉลี่ย 25 วันลงเหลือราว 10 วันเท่านั้นซึ่งจะทำให้มีศักยภาพในการขายไฟฟ้ามากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงระบบจัดการโรงไฟฟ้าใหม่ทำให้ Heat rate ดีขึ้น ซึ่งจะทำให้ใช้ก๊าซธรรมชาติน้อยลงในการผลิตไฟฟ้า ซึ่ง BGRIM ประเมินว่าสามารถลดต้นทุนค่าก๊าซฯได้ราว 2% สำหรับโรงที่ได้รับการปรับปรุง

พร้อมกับโครงการในต่างประเทศซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจากำลังการผลิตรวม 1,820 เมกะวัตต์ หากสำเร็จจะเป็น Upside ให้กับประมาณการ

ทั้งนี้ ประเมินกำไรของ BGRIM เติบโตโดดเด่นเฉลี่ย 24% ต่อปีในช่วง 5 ปีข้างหน้า ส่วนผลประกอบการไตรมาส 1/61 มีแนวโน้มเติบโตเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และงวดปีก่อน หลัง COD โรงไฟฟ้า ABPR3 ใน 1 ก.พ. 61 ขนาดกำลังผลิตตามสัดส่วนร่วมทุน 74 เมกะวัตต์ ขณะที่ในปี 61 มีโครงการโรงไฟฟ้าที่จะ COD เพิ่มเติมทั้งสิ้น 5 โครงการกำลังการผลิตตามสัดส่วนรวม 264 เมกะวัตต์ซึ่งเป็นไปตามแผน ส่วนโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างก็มีความคืบหน้าตามที่วางไว้ ทั้งนี้ หากสามารถ COD โครงการในมือทั้งหมดในปี 65 ก็จะทำให้มีกำลังการผลิตรวมเป็น 1,703 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้น 84% จากปี 60

บทวิเคราะห์บล.กสิกรไทย ระบุว่าปรับคำแนะนำ BGRIM ขึ้นจาก "ถือ" เป็น "ซื้อ" สะท้อนมุมมองเชิงบวกต่อกำไรของ BGRIM ในระยะยาวจากการบริหารจัดการต้นทุน ทั้งในส่วนของการปรับปรุงโรงไฟฟ้าเก่าเพื่อให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น และการทยอยออกหุ้นกู้เพื่อรีไฟแนนซ์หนี้ในแต่ละโครงการเพื่อลดต้นทุนทางการเงินลงมากกว่า 1% ถึงแม้จะปรับประมาณการกำไรในปี 61-62 ลง 17% และ 11% ตามลำดับ จากการปรับปริมาณการจ่ายไฟลง 5% และปรับกำไรส่วนของ minority เพิ่มขึ้น

"เราเชื่อว่าในระยาว การบริหารต้นทุนจะทำให้ margin สามารถปรับเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับกำไร นอกจากนี้เราเชื่อว่าการกลับมาของกลุ่มยานยนต์ ทั้งการผลิตเพื่อขายในประเทศหรือส่งออก จะทำให้ utilization rate ของโรงไฟฟ้านั้นดีขึ้นในระยะยาว เนื่องจากลูกค้าอุตสาหกรรมที่ซื้อไฟฟ้าจาก BGRIM นั้นส่วนใหญ่เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์และยางรถยนต์"บทวิเคราะห์ระบุ

นอกจากนี้ BGRIM ยังไม่หยุดเสาะหาการเติบโตใหม่ ๆ โดยปัจจุบัน BGRIM กำลังอยู่ในช่วงการเจรจากับผู้ร่วมทุน เพื่อพัฒนาโครงการโซลาร์ฟาร์มที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเวียดนาม ซึ่งมีมุมมองบวกว่าจะเป็น Potential Upside ในอนาคตให้กับ BGRIM ทั้งในด้านกำไรและมูลค่าหุ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ