NOK เลื่อนปลดระวางเครื่องบิน 2 ลำไป พ.ค.เพื่อป้องกันปัญหาดีเลย์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 19, 2018 14:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายปิยะ ยอดมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สายการบินนกแอร์ (NOK) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมนำเครื่องบินทุกลำออกมาให้บริการผู้โดยสารในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เดือนเม.ย.นี้ หลังก่อนนี้มีแผนปลดระวางเครื่องบินจำนวน 2 ลำในช่วงดังกล่าว เพื่อรองรับความต้องการใช้บริการที่เพิ่มขึ้น และแก้ไขปัญหาเครื่องบินดีเลย์ โดยยืนยันว่าจะไม่เกิดปัญหาเหมือนที่ผ่านมาอย่างแน่นอน

บริษัทฯ มีการเลื่อนแผนการปลดระวางเครื่องบินจำนวน 2 ลำ ดังกล่าวข้างต้น มาเป็นเดือนพ.ค.61 และมีแผนเช่าเครื่องบินระยะยาว อายุ 5 ปี เข้ามาทดแทน ขณะเดียวกันบริษัทฯ มีแผนปรับลดเที่ยวบิน หลังเดือนเม.ย.61 อีกด้วย เพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนเครื่องบินที่มีอยู่ และแก้ไขปัญหาเครื่องบินดีเลย์ในระยะยาว

"เรายืนยันว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะไม่เกิดปัญหาเครื่องบินดีเลย์แน่นอน หลังจากที่เรามีการปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น จากเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาก็ถือว่าประสบปัญหาค่อนข้างมาก ทั้งเครื่องบินดีเลย์และสภาพอากาศ"นายปิยะ กล่าว

ปัจจุบันบริษัทฯ มีเครื่องบินรวมทั้งสิ้น 29 ลำ แบ่งเป็น โบอิ้ง 737-800, บอมบาดิเอร์ Q400 และเอทีอาร์ 72-500 โดยมีการให้บริการภายในประเทศทั้งสิ้น 24 เมือง ได้แก่ กรุงเทพฯ กระบี่ ขอนแก่น ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง นครพนม นครศรีธรรมราช น่าน บุรีรัมย์ พิษณุโลก แพร่ ภูเก็ต แม่สอด ร้อยเอ็ด ระนอง ลำปาง เลย สกลนคร สุราษฎร์ธานี หาดใหญ่ อุดรธานี และอุบลราชธานี รวมถึงให้บริการระหว่างประเทศ (เที่ยวบินประจำ 2 เมือง) คือ ย่างกุ้ง และนครโฮจิมินห์ และระหว่างประเทศ (เที่ยวบินประจำ แบบเช่าเหมาลำ 9 เมือง) คือ เฉิงตู หนานหนิง เจิ้งโจว โฮฮอท หนานทง เหยียนเฉิง ไหโข่ว หยินฉวน และหนานชาง

สำหรับผลการดำเนินงานในเดือนธ.ค.60-ก.พ.61 ถือว่าปรับตัวดีขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (ธ.ค.59-ก.พ.60) โดยสามารถพลิกกลับมามีกำไรสุทธิอยู่ที่ 104.71 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีผลขาดทุนอยู่ที่ 317.60 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้เพิ่มเป็น 4.37 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 12.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นเป็น 2.54 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้น 4.1% และมีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 93% จาก 86% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงรักษาเครื่องบินลดลง 31.6% หรือมีค่าซ่อมบำรุงรักษาเครื่องบินเท่ากับ 16% ของต้นทุนรวมของสายการบิน ซึ่งลดลงจากเดิมที่อยู่ที่ 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนอัตราการใช้เครื่องบินต่อลำเพิ่มขึ้น 23.1% หรือคิดเป็น 9.96 ชั่วโมงปฏิบัติการการบินต่อวัน เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีอัตราการใช้เครื่องบินต่อลำอยู่ที่ 8.09 ชั่วโมงปฏิบัติการการบินต่อวัน

นายปิยะ กล่าวว่า บริษัทฯยังคงเป้าหมายผลการดำเนินงานในปี 61 รายได้ (ไม่รวมบริษัทย่อย) เพิ่มขึ้น 2.8 พันล้านบาท มาที่ 1.68 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่อยู่ราว 1.4 หมื่นล้านบาท โดยการเพิ่มจำนวนผู้โดยสารเป็น 9 ล้านคน จากเดิมที่มีจำนวนผู้โดยสาร 8 ล้านคน และมีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 93% จากปีก่อน 86%

ส่วนความคืบหน้าของการขยายเส้นทางบินในต่างประเทศปีนี้จำนวน 7 เส้นทางบิน บริษัทฯ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในเดือนพ.ค. จำนวน 3 เส้นทางบินก่อน ในประเทศอินเดีย และน่าจะสามารถทำการบินได้ในเดือนมิ.ย.นี้ เป็นต้นไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ