ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ที่ระดับ "A" ในขณะเดียวกันยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 10,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ "A" ด้วย ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ไปใช้ชำระคืนหนี้เงินกู้สำหรับโครงการทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ส่วน SOE)
อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงฐานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่มั่นคงและคาดการณ์ได้รวมถึงโอกาสในการเติบโตของธุรกิจรถไฟฟ้า ในขณะเดียวกัน การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความไม่แน่นอนในการต่ออายุสัญญาสัมปทานทางด่วนในเขตเมืองที่จะสิ้นสุดในปี 2563 และภาระหนี้ของบริษัทที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากแผนการลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าโครงการใหม่ ๆ ด้วย
ในปี 2560 บริษัทมีรายได้ 15,153 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 15.6% โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเปิดดำเนินการเต็มปีของรถไฟฟ้าสายสีม่วงและทางด่วน SOE ที่เริ่มเปิดดำเนินการในเดือนสิงหาคม 2559 รวมทั้งการเชื่อมต่อระบบกันของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสายสีม่วงซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ในปี 2560 ปริมาณการจราจรบนทางด่วนโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1.21 ล้านเที่ยวต่อวัน เพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา และรายได้ค่าผ่านทางโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 27.28 ล้านบาทต่อวัน เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา ในขณะที่จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 295,302 เที่ยวต่อวัน เพิ่มขึ้น 7.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน และรายได้ค่าโดยสารโดยเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 7.37 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 8.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน
บริษัทยังคงมีกำไรที่ดีจากความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่งของธุรกิจทางด่วนเป็นสำคัญ โดยอัตรากำไรของบริษัทซึ่งวัดจากอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้อยู่ในระดับสูงที่ 52.64% ในปี 2560
ภาระหนี้ของบริษัทจะเพิ่มสูงขึ้นจากการลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายซึ่งมีมูลค่าการลงทุนรวม 22,036 ล้านบาทในระหว่างปี 2560-2562 โดยบริษัทจะใช้แหล่งเงินทุนจากการกู้ธนาคารจำนวน 14,000 ล้านบาทและส่วนที่เหลือจะใช้เงินทุนหมุนเวียนของบริษัท อัตราส่วนเงินกู้รวม (ซึ่งรวมสำรองสำหรับการเวนคืนที่ดินในธุรกิจทางด่วน) ต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะเพิ่มจาก 62.15% ณ สิ้นปี 2560 เป็นระดับสูงสุดที่ 65%-70% ในระหว่างปี 2561-2562 ทั้งนี้ ในการคำนวณอัตราส่วนดังกล่าวทริสเรทติ้งไม่ได้รวมภาระหนี้ประมาณ 14,160 ล้านบาทจากการลงทุนในระบบรถไฟฟ้าและขบวนรถไฟฟ้าสายสีม่วง เนื่องจากภาระหนี้ดังกล่าวมีสัญญาการชำระคืนหนี้จากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ระยะเวลา 10 ปีรองรับอยู่
แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถดำรงสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งและมีกระแสเงินสดที่สม่ำเสมออย่างต่อเนื่องจากทั้ง 2 ธุรกิจหลักได้ต่อไป
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง การปรับเพิ่มอันดับเครดิตของบริษัทมีจำกัดจากแผนการลงทุนที่มีการก่อหนี้จำนวนมากในระยะ 3 ปีข้างหน้าและจากความไม่แน่นอนในการต่ออายุสัญญาสัมปทานทางด่วนขั้นที่ 2 ในเขตเมือง ทั้งนี้ อันดับเครดิตของบริษัทอาจถูกปรับลดลงหากสถานะทางธุรกิจและการเงินของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมากจนส่งผลให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอยู่ในระดับเกินกว่า 65% อย่างต่อเนื่องยาวนาน