โบรกเกอร์แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) หลังมองกำไรปี 61 ยังคงเติบโตโดดเด่นและเดินหน้าทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง รับแผนการขยายช่องทางจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ และกลยุทธ์การตลาดที่เข้มข้น รวมถึงการเพิ่มตัวแทนจำหน่ายในกัมพูชาและมาเลเซีย ตลอดจนการรุกเข้าตลาดจีน ด้วยการเตรียมจะลงนามกับตัวแทนจำหน่าย 2 รายภายในเดือนมี.ค.เพื่อขายผ่านช่องทาง Cross Border E-Commerce ในจีน ซึ่งจะเห็นผลในช่วงครึ่งหลังปีนี้ อีกทั้งการเพิ่มจำนวนสินค้ามากขึ้นก็เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่จะผลักดันการเติบโตอย่างสดใส
ส่วนเมื่อสัปดาห์ก่อนครอบครัว"ไกรภูเบศ"ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ขายหุ้นออกมาราว 4% แม้จะกดดันต่อราคาหุ้นในช่วงนั้น แต่ก็มองเป็นโอกาสการเข้าซื้อสะสม จากแนวโน้มผลการดำเนินงานที่ยังเติบโต อีกทั้งกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ดังกล่าวยังคงสัดส่วนการถือหุ้นราว 22% และยังคุมอำนาจในการบริหารงาน ซึ่งจะผลักดันให้ผลการดำเนินงานเติบโตได้ตามเป้าหมายต่อไป
พักเที่ยง ราคาหุ้น BEAUTY อยู่ที่ 20.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือ 0.97% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ลดลง 0.03%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) ฟิลลิป (ประเทศไทย) ซื้อ 24.60 ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบีฯ ซื้อ 25.00 ทิสโก้ ซื้อ 25.00 กสิกรไทย ซื้อ 23.30 กรุงศรี ถือ 21.00
นักวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของ BEAUTY จะเติบโตได้ดีเฉลี่ย 21% ต่อปี สร้างสถิติใหม่ต่อเนื่อง โดยปีนี้ก็น่าจะเห็นการเติบโตที่ดีเช่นกัน หลังจากรุกเข้าตลาดจีนอย่างเป็นทางการมากยิ่งขึ้น คาดว่าจะเห็นผลได้ในครึ่งหลังปีนี้ ขณะที่ยังมีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ตอบรับลูกค้า และช่องทางการจำหน่ายที่ครอบคลุมทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยบวกต่อ BEAUTY
"เราคาดว่าผลการดำเนินงานจะดีขึ้นจากการนำสินค้าเข้าจำหน่ายใน Official Online ผ่าน Cross Border ที่จีน ซึ่งเป็นปัจจัยหลัก ขณะที่ในประเทศก็มีการขยายสาขามากขึ้น...Outlook โดยรวมดีทั้งในและต่างประเทศ เป้าหมายของบริษัทเองจะมีรายได้เติบโตเฉลี่ย 20% ต่อปี ไม่ได้เป็นเรื่องยากเกินไปของบริษัท"นักวิเคราะห์ กล่าว
นักวิเคราะห์ กล่าวว่า รายได้จากต่างประเทศของ BEAUTY มีพัฒนาการที่ดีมากจากที่เคยมีสัดส่วนเพียง 7% มาอยู่ที่ 14% ในปีที่แล้ว และปีนี้คาดว่าจะเห็นการเติบโตในระดับสูงต่อจากการรุกเข้าตลาดจีนมากยิ่งขึ้น โดยจะลงนามกับตัวแทนจำหน่าย ( distributor) 2 รายภายในเดือน มี.ค. ซึ่งจะเป็นการขายผ่านช่องทาง Cross border e-commerce ในจีน ซึ่งคาดจะเริ่มขายได้ในปลายไตรมาส 2/61 ถึงต้นไตรมาส 3/61 จากก่อนหน้านี้การขายในจีนเป็นเพียงผู้ค้าส่งหรือรายย่อยนำเข้าไปขายเท่านั้นไม่ได้เป็นรูปแบบทางการ
นอกจากจีนแล้ว BEAUTY ยังมีแผนขยายไปยังประเทศอื่น ๆ จากปัจจุบันที่มีการขายสินค้าในเวียดนาม, ฟิลิปปินส์,ลาว, เมียนมา และ Shop in Shop ในฮ่องกง, ไต้หวัน และ อินโดนีเซีย ขณะที่ปีนี้มีแผนจะขยายเพิ่มเติมในกัมพูชา 2 จุดขาย และมาเลเซีย 3 จุดขาย ส่วนในประเทศได้ช่องทางการขายอื่น ๆ ทั้งโมเดิร์นเทรด, ร้านสะดวกซื้อ และ Traditional Trade ซึ่งยังมีการเติบโตที่ดีระดับ 150% ในปีที่แล้วหลังจากขยายเข้าครอบคลุมเกือบทั้งหมด และมีแผนจะเพิ่มสินค้าใหม่ รวมทั้งปรับขนาดสินค้าเพิ่มเติมในแต่ละช่องทาง
ทั้งนี้ ปรับเพิ่มผลประกอบการของ BEAUTY สำหรับปี 61-62 เล็กน้อย โดยคาดกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 1.61 พันล้านบาท และ 2.01 พันล้านบาท ตามลำดับ เพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิ 1.23 พันล้านบาทในปี 60 จากแนวโน้มการขยายช่องทางต่างประเทศมากยิ่งขึ้น
นักวิเคราะห์ กล่าวว่า สำหรับการลดสัดส่วนของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยนายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ BEAUTY และครอบครัว ได้ขายหุ้นออกมาราว 4% นั้นอาจจะสร้างความกังวลต่อนักลงทุนบ้าง แต่ที่ผ่านมาก็เคยมีการขายในลักษณะดังกล่าวมาแล้ว อย่างไรก็ตามสัดส่วนการถือหุ้นของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ยังคงอยู่ที่ราว 22% และยังมีอำนาจการบริหารเช่นเดิมทำให้ไม่น่าจะเป็นประเด็นสร้างความกังวลมากนัก ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานยังเติบโตได้ดี
ด้าน บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ โดยประเมินยอดขาย BEAUTY ปี 61 จะเติบโตเด่นราว 30% จากปีก่อน แตะระดับ 4.83 พันล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้เติบโต 20% และเมื่อรวมกับการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ดี ส่งผลให้แนวโน้มกำไรปีนี้จะยังทำสถิติใหม่สูงสุดที่ระดับ 1.66 พันล้านบาท เติบโต 35% จากปีก่อน ขณะที่คาดมีอัตรากำไรสุทธิ (net margin) อยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 30%
ทั้งนี้ เป็นผลจากแนวโน้มยอดขายที่คาดว่ายังสดใสจากช่องทางที่หลากหลายและและกลยุทธ์การตลาดที่เข้มข้น โดย BEAUTY มีแผนมีแผนขยายช่องทางจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 34 สาขา ทำให้สิ้นปี 61 มีสาขารวม 379 สาขา และการขายจากโมเดิร์นเทรด และร้านค้าสะดวกซื้อ ซึ่งวางแผนเพิ่มจำนวนชิ้น (SKU) และจุดจำหน่ายที่ครอบคลุม รวมถึงยอดขายจาก E-Commerce ควบคู่กับการออกสินค้าใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง
ส่วนในต่างประเทศวางแผนจะเพิ่มจุดจำหน่ายอย่างต่อเนื่องภายใต้แพลตฟอร์มที่แตกต่างกัน ซึ่งมีทั้ง Independent Shop, Counter Sales และ Shop in Shop เป็นต้น โดยปีนี้เตรียมเพิ่มตัวแทนจำหน่ายในกัมพูชาและมาเลเซีย และล่าสุดเตรียมเซ็นสัญญากับตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่ 2 ราย เพื่อทำการขายผ่านช่องทาง Cross Border E-Commerce ในจีน
ฟิลลิปฯ มองว่าหุ้น BEAUTY ได้รับ Sentiment ลบจากการลดสัดส่วนถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ซึ่งกดดันราคาหุ้นช่วงที่ผ่านมา แต่ก็เป็นโอกาสในการเข้าซื้อสะสมจากปัจจัยต่าง ๆ ที่สนับสนุนการเติบโตที่ชัดเจน เช่น แผนการขยายช่องทางจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ ปัจจุบันสินค้าของ BEAUTY ถือได้ว่าเป็นที่ชื่นชอบทั้งจากชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีนที่มีสัดส่วนยอดขายเป็น 30% ของยอดขายรวม
บทวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย ระบุว่าปรับราคาเป้าหมายสำหรับหุ้น BEAUTY เป็น 23.3 บาท จาก 22.3 บาท ตามการปรับประมาณการกำไรขึ้น 1-4% ในปี 61-62 เนื่องจากมีมุมมองเชิงบวกต่อการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายชาวจีนจำนวน 2 รายภายในเดือน มี.ค. นี้ เพื่อขยายการขายสินค้าไปยัง Cross border e-commerce ของจีน ซึ่งจะช่วยเพิ่มการเติบโตของยอดขายในต่างประเทศได้ และสร้างความน่าเชื่อถือของแบรนด์ของ BEAUTY ซึ่งจะช่วยผลักดันรายได้จากต่างประเทศให้เติบโต 20-25% ในปี 61-63
"เราชอบแผนการขยายช่องทางจำหน่ายนอกเหนือจากร้านค้าของ BEAUTY เอง เนื่องจากแผนนี้นอกจากจะช่วยเพิ่มการเติบโตของรายได้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้าแล้ว ยังสามารถเพิ่มอัตรากำไรสุทธิให้ BEAUTY ได้ด้วยเนื่องจากการขายช่องทางอื่น BEAUTY ต้องแบกรับภาระค่าเช่าและค่าใช้จ่ายพนักงานขาย เราจึงคาดกำไรสุทธิของ BEAUTY จะเติบโตแกร่งที่ 28% CAGR ในปี 61-63"กสิกรไทย ระบ