นายไพบูลย์ อังคณากรกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.อาซีฟา (ASEFA) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปี 61 จะเติบโต 15% จากปีก่อนทำได้ 2.8 พันล้านบาท จากปัจจุบันที่มีงานในมือ (Backlog) อยู่ราว 2 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ 70-80% ขณะเดียวกันก็อยู่ระหว่างประมูลงานใหม่เข้ามาเพิ่มเติมอีก ทั้งงานภาครัฐและงานภาคเอกชน เช่น งานสนามบิน ,รถไฟฟ้า และงานโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ เป็นต้น มูลค่ารวมราว 2-3 พันล้านบาท คาดว่าจะได้รับงานราว 600-700 ล้านบาท
ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้มาจากงานภาคเอกชนเป็นหลัก 70-80% และที่เหลือจะมาจากงานภาครัฐ ซึ่งในปีนี้บริษัทจะเข้าไปรับงานภาครัฐมากขึ้น จากงานประมูลที่มีออกมามากขึ้น ก็น่าจะส่งผลทำให้สัดส่วนรายได้ที่มาจากงานภาครัฐเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตามโครงสร้างรายได้ของบริษัทมาจากงานโครงการ 60% ,ธุรกิจซื้อมาขายไป (เทรดดิ้ง) 15% และธุรกิจบริการ 25%
ทั้งนี้ บริษัทได้จับมือกับพันธมิตร เพื่อพัฒนาสินค้าใหม่ที่เกี่ยวกับการประหยัดพลังงาน เช่น หลอดไฟ LED ,เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น โดยมีแผนจัดตั้งบริษัทร่วมทุน เพื่อดำเนินธุรกิจอนุรักษ์พลังงาน มีทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 20 ล้านบาท ซึ่ง ASEFA จะถือหุ้นในสัดส่วน 51% และพันธมิตร 49% คาดว่าน่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปีนี้ โดยเบื้องต้นคาดวาผลิตภัณฑ์ที่จะพัฒนาร่วมกันจะมีอัตรากำไรขั้นต้นราว 15-20%
"เรามองว่ามันเป็นเทรนด์ของโลกที่มุ่งเน้นในด้านของการประหยัดพลังงานมากขึ้น ประกอบกับภาครัฐก็มีการสนับสนุนด้วย ทำให้เรามองเป็นโอกาสในการลงทุน โดยเราได้ร่วมกันกับพันธมิตร เพื่อจะพัฒนา product ใหม่ เพิ่มเพิ่มยอดขายในอนาคต"นายไพบูลย์ กล่าว
สำหรับงบลงทุนในปีนี้บริษัทวางไว้ที่ 50 ล้านบาท แบ่งเป็น การจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ที่คาดจะใช้เงินลงทุนราว 10 ล้านบาท และใช้ลงทุนโซลาร์รูฟท็อป ภายในโรงงานขนาดเกือบ 1 เมกะวัตต์ ราว 15 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการติดตั้งแล้วเสร็จและจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบได้ในไตรมาส 3/61 ซึ่งน่าจะส่งผลต่อต้นทุนค่าไฟฟ้าปรับตัวลดลงถึง 50% และน่าจะถึงจุดคุ้มทุนได้ในระยะ 4-5 ปีข้างหน้า ส่วนงบลงทุนที่เหลือจะใช้ลงทุนในด้านต่าง ๆ เช่น การปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักร เป็นต้น