นายชาญกฤษ เดชวิทักษ์ รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.ที เอส ฟลาวมิลล์ (TMILL) คาดว่า ยอดขายปี 61 จะเติบโต 10% ตามการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 75% จากระดับ 65% ในปีก่อน พร้อมรักษากำไรขั้นต้นที่ระดับ 15-20% และอัตรากำไรสุทธิ 8-10% นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อพัฒนากระบวนการผลิตที่ทันสมัยและลดต้นทุนแรงงานในระยะยาว โดยเริ่มทดสอบการใช้งานหุ่นยนต์จัดเรียงสินค้าในคลังสินค้าเมื่อช่วงเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา และมีแผนที่จะลงทุนต่อเนื่องอีก 2 เฟสในปี 62-63
ขณะเดียวกัน ปี 61 บริษัทจะไม่มีการลงทุนใหญ่ โดยตั้งงบลงทุนไว้ราว 10 ล้านบาท ในการส่งเสริมการตลาด รวมถึงการวิจัยและพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม เพื่อเพิ่มคุณภาพแป้งสาลี
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในไทย 1 ราย เพื่อตั้งบริษัทร่วมทุนในการทำธุรกิจปลายน้ำ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาบุคลากรและแลกเปลี่ยนข้อมูลคาดว่าจะมีความชัดเจนในเดือน มี.ค.61 และรายงานต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นในเดือน เม.ย. ซึ่งหากได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นแล้วจะมีการแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ราคาพื้นฐาน (Fair Price) ต่อไป ซึ่งคาดว่าจะเห็นเป็นรูปธรรมในไตรมาส 3/61
"สำหรับปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีกำไรลดลงจากปี 60 ซึ่งเป็นปีทองของบริษัท แต่ตั้งเป้าสามารถเติบโตจากปี 59 ได้ 30%" นายชาญกฤษ กล่าว
อนึ่ง ปีที่ผ่านมา TMILL มีกำไรสุทธิ 105.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.8% จากระดับ 69.5 ล้านบาทในปี 59 โดยมีรายได้จากการขายกว่า 1.3 พันล้านบาท ลดลง 2.7% จากปี 59 หลังราคาจำหน่ายแป้งสาลีเฉลี่ยลดลง 3.8% แต่ในส่วนของกำไรสุทธินับว่าสามารถทำสถิติสูงสุด เป็นผลมาจากการบริหารจัดการต้นทุนขายที่ลดลง เนื่องจากมีการเจรจาทำสัญญาซื้อขายวัตถุดิบล่วงหน้าเพื่อควบคุมราคาต้นทุนไว้
ขณะที่ราคาข้าวสาลีในตลาดปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้ราคาต้นทุนแป้งสาลีของบริษัทได้เปรียบตลาดและคู่แข่ง จึงส่งผลให้มีอัตรากำไรขั้นต้นในปี 60 สูงขึ้นเป็น 20.9% จาก 14.8% ในปี 59