นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นได้แต่อยู่ในกรอบจำกัด เนื่องจากยังรอดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) โดยตลาดฯคาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และมีทิศทางที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ แต่ก็ต้องรอดูเสียงของคณะกรรมการเฟดถ้ามีการเสียงแตกออกมาในการเสนอปรับขึ้นดอกเบี้ยถึง 4 ครั้ง ก็อาจจะทำให้ตลาดผันผวนได้
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวก ขานรับการฟื้นตัวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น ทำให้ไปหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงาน แต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (Bond Yield) ก็ปรับตัวขึ้นด้วย ซึ่งการที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวดีขึ้นดูเหมือนจะไปขัดแย้งกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่าขึ้น ดังนั้นจะต้องคอยจับตาดูอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ดี ช่วงนี้ตลาดฯเป็นของผู้เล่นหลักคือ นักลงทุนสถาบัน ซึ่งก็มีการถือครองหุ้นในกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมีอยู่มาก ดังนั้น บางทีอาจมีการสลับกลุ่มลงทุนบ้างเช่นกัน ซึ่งหุ้นที่สถาบันจะเข้าลงทุนก็น่าจะเป็นหุ้น SCC เพราะยัง Laggard อยู่มาก และหุ้นในกลุ่มการแพทย์ รวมถึงหุ้นในกลุ่มแบงก์ด้วย ซึ่งก็ชอบหุ้น BBL, KTB
พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,790-1,806 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (20 มี.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,727.27 จุด เพิ่มขึ้น 116.36 จุด (+0.47%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,716.94 จุด เพิ่มขึ้น 4.02 จุด (+0.15%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,364.30 จุด เพิ่มขึ้น 20.06 จุด (+0.27%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 262.05 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 9.09 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 26.51 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 2.70 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 3.01 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.14 จุด
ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (20 มี.ค.61) 1,799.84 จุด เพิ่มขึ้น 0.05 จุด (+0.00%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,251.72 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 มี.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (20 มี.ค.61) ปิดที่ระดับ 63.40
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (20 มี.ค.61) ที่ 7.08 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.21 แนวโน้มแกว่งกรอบแคบ นักลงทุนรอประชุมเฟดคืนนี้-ตัวเลขส่งออกของไทย
- ททท.หนุนมาตรการ คืนภาษี ณ จุดขาย กระตุ้นยอดช็อปปิ้งต่างชาติ เพิ่มจาก 20% เป็น 25% แนะศึกษาโมเดลญี่ปุ่น กระจายร้านดิวตี้ฟี 2.9 หมื่นแห่งทั่วประเทศ เปิดช่องเอสเอ็มอีมีส่วนรับผลประโยชน์โดยตรง เชื่อนักท่องเที่ยวได้เงินคืนนำหมุนเวียนจับจ่ายในไทยต่อทันที
- คลังหวั่นไทยเจอมาตรการกีดกัน ทางการค้าจากสหรัฐ หลังเข้า 3 เงื่อนไขประเทศบิดเบือนค่าเงิน กสิกรไทยจับตานักท่องเที่ยวต่างชาติ ทะลักช่วงสงกรานต์กดดันเงินบาทแข็งค่าหนักมีสิทธิ์หลุด 31 บาทต่อดอลลาร์ แนะผู้ส่งออกเร่งปิดความเสี่ยง คาดจีดีพีปีนี้โต 4% หุ้นไทยเด้งรับดัชนีปีนี้ทะยานแตะ 1,914 จุดหากเลือกตั้งต้นปีหน้า
- นักวิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์ เผยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทุนจีนประกาศแผนลงทุนคิดเป็นมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาท ที่ประกาศตัวเลขการลงทุนออกมา โดยเป็นโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนารวมถึงโครงการที่จะก่อสร้างในอนาคต ขณะเดียวกันยังแฝงเข้ามาในรูปแบบนอมินี ทั้งนี้ หากกฎหมายการลงทุนในเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) มีความชัดเจนเชื่อว่าทุนจีนจะเข้ามาลงทุนในไทยมากยิ่งขึ้น
- ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เผยรัฐบาลไม่ควรยืดหนี้ให้กับผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลและผู้ประกอบการโทรคมนาคม เพราะจะถูกครหาว่าเข้าไปอุ้มเอกชน ซึ่งจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของรัฐบาลได้ โดยเฉพาะคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้ยืดระยะเวลาจ่ายเงินค่าประมูลให้ผู้ประกอบการแบบไม่เข้มงวด โดยแบ่งจ่ายเป็น 4 งวด ทั้งที่ผู้ประกอบการรับทราบเงื่อนไขนี้อยู่แล้วก่อนการประมูล
- ในเดือน เม.ย.นี้ รฟท.จะพยายามเร่งออกเอกสารประกวดราคา (ทีโออาร์) โครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) เชื่อม 3 สนามบิน ในพื้นที่ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) กรุงเทพฯ-ระยอง ระยะทาง 260 กม. วงเงินลงทุน 2.15 แสนล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการร่างรายละเอียดมีความคืบหน้าไปมากแล้ว
*หุ้นเด่นวันนี้
- CMAN (บมจ. เคมีแมน) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม หมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ โดยราคาขาย IPO 3.84 บาท/หุ้น ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของปี 2561 ด้วยวิธี DCF ได้เท่ากับ 6.10 บาท คาดว่ากำไรสุทธิปี 2561-2563 จะโตเฉลี่ยสูงถึง 44% ต่อปี
บริษัทฯเป็นผู้ดำเนินธุรกิจปูนไลม์และผลิตภัณฑ์เคมีต่อเนื่อง รายเดียวในประเทศที่มีทั้งโรงงานปูนไลม์และเหมืองแร่เป็นของตัวเอง ซึ่งมีความต้องการใช้ทั่วโลกและกระจายในหลายอุตสาหกรรม เช่น ก่อสร้าง น้ำตาล เหมืองแร่ กระดาษ และปิโตรเคมี การเติบโตของผู้ผลิตขึ้นอยู่กับการช่วงชิงส่วนแบ่งตลาด ซึ่ง CMAN มีจุดเด่นด้านประสิทธิภาพการผลิต ที่เตาเผาสามารถใช้เชื้อเพลิงถ่านหินที่มีต้นทุนต่ำกว่าคู่แข่ง เมื่อผนวกกับแผนการเพิ่มกำลังการผลิต และการขยายโรงงานในต่างประเทศ
- NUSA-W3 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบมจ.ณุศาศิริ (NUSA)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวนหน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิที่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน จำนวน 693,939,896 หน่วย ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาท อายุ 2 ปี มีอัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคาการใช้สิทธิหุ้นละ 1 บาท กำหนดใช้สิทธิครั้งแรกวันที่ 31 พ.ค.61 และใช้สิทธิครั้งสุดท้าย วันที่ 18 ก.พ.63
- RS (เออีซี) "ซื้อ"เป้า 34 บาท ปี 61 คาดกำไรโตเด่น 185.7%YoY หนุนด้วยยอดขายธุรกิจสุขภาพและความงามที่คาดยังโตดีจากการเพิ่มจำนวน Call Center เพื่อรองรับทำ Out-Bound Call มากขึ้นบวกกับธุรกิจทีวีที่คาดฟื้นตัวตามเม็ดเงินโฆษณาของดิจิตอลทีวีพร้อมเตรียมปรับเพิ่มค่าโฆษณารายนาทีของช่อง 8 ให้สอดคล้องกับ Rating ที่สูงขึ้น + Upside 18.3%
- PTTGC (ไอร่า) เป้า 120 บาท คาดผลการดำเนินงานปี 61 เติบโตต่อเนื่อง จากแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของราคา HDPE ซึ่งจะเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบและปริมาณความต้องการใช้ที่สูงขึ้นจากจีน ในขณะที่ผลการดำเนินงานของ PTTGC ในปี 60 มีกำไรจากธุรกิจปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์ 66% โดยคาดราคา HDPE ในปี 61 จะยังคงยืนเหนือ 1,300 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน ขณะที่ราคา HDPE ล่าสุด อยู่ที่ 1,355 USD/ตัน พร้อมคาด Div.Yield ประมาณ 5.0%
- SCC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 580 บาท ในฐานะหุ้นใหญ่ที่ยัง Laggard SET50 แม้คาดกำไรปีนี้ -3% Y-Y เป็น 5.31 หมื่นล้านบาท จากต้นทุนวัตถุดิบธุรกิจเคมีคอลที่ยังอยู่ในระดับสูง แต่ในเชิง Valuation ถือว่าน่าสนใจ โดย PE2561 ยังต่ำเพียง 11.2 เท่า และจ่ายปันผลสม่ำเสมอ 4% ต่อปี งวด 2H60 จ่าย 10.50 บาท/หุ้น (yield 2%) ขึ้น XD 4 เม.ย. โดย NVDR กลับมาซื้อครั้งแรกในรอบ 3 เดือนราว 700 ล้านบาท ขณะที่ ยอด Short Sales เฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีลดลงเหลือเพียง 2 ล้านหุ้นต่อวัน จากปีก่อนที่ 15 ล้านหุ้นต่อวัน ถือเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงบวกในระยะสั้น