นายธีรวุทธิ์ ปางวิรุฬห์รักข์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อี ฟอร์ แอล เอม (EFORL) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2561 บริษัทอาจได้รับผลดีจากนโยบายรัฐบาลซึ่งจะยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ตามยุทธศาสตร์ชาติ โดยที่ภาครัฐมีนโยบายการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ ในช่วงระหว่างปี 2560 - 2569 จากนโยบายดังกล่าวจะส่งผลให้ธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการแพทย์และสาธารณสุข มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ของแบรนด์ชั้นนำของโลก มีแผนการขยายธุรกิจโดยการเพิ่มการเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าแบรนด์ใหม่และมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ รวมถึงการเพิ่มศักยภาพจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายเป็นผู้ผลิตสินค้าบางรายการ ซึ่งเป็นแผนธุรกิจที่สอดรับกับนโยบายและยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งจะทำให้ธุรกิจหลักของบริษัทได้รับผลกระทบในเชิงบวกทำให้รายได้ในกลุ่มนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต
สำหรับกรณีที่มีกระแสข่าวลือออกมาว่าบริษัท ดับบลิว ซีไอ โฮลดิ้ง จำกัด (WCIH ) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้ขายหุ้นบริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด (WCIG) ให้นักลงทุนกลุ่มหนึ่งไปแล้วในสัดส่วน 20% อีกทั้งที่มีข่าวเรื่องหนี้สินเพิ่มขึ้นนั้น ทั้งสองเรื่องไม่เป็นความจริง หนี้สินที่เกิดขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนรายการทางบัญชีจากเงินทดรองจ่ายโดยบริษัทแม่ เป็นเงินกู้ยืมเงินจากบริษัทแม่แทนเท่านั้น ซึ่งก็มีการเปิดเผยในงบการเงินโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาตมาโดยตลอดก่อนหน้า
ส่วนการที่บริษัทส่งงบการเงินประจำปี 2560 ล่าช้านั้น เนื่องจาก WCIH ไม่สามารถจัดทำงบการเงินของกลุ่มบริษัทย่อยประจำปี 2560 ได้ทันตามกำหนดเวลา ทำให้บริษัทไม่สามารถรับรู้ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทย่อยได้ ส่งผลกระทบต่องบการเงินรวม จึงเป็นเหตุให้ส่งงบการเงินล่าช้า
ผลประกอบการในปีที่ผ่านมายังออกมาไม่ดี บริษัทพยายามแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งปัญหาหลักเกิดขึ้นจากบริษัทย่อยมีผลขาดทุน ทำให้มีการตั้งสำรองการด้อยค่าในปี 2560 ค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตามบริษัทฯ กำลังแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อให้ผลประกอบการในปีนี้ออกมาในทิศทางที่ดี ซึ่งเชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้น และจะส่งผลในเชิงบวก
อนึ่ง EFORL แจ้งผลประกอบการปี 2560 มีผลขาดทุนสุทธิ 1.16 พันล้านบาท จากขาดทุนสุทธิ 614.45 ล้านบาทในปี 2559