นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ (CI) เปิดเผยถึงโครงการ "อาณาจักรทิวทะเลเอสเตท" ซึ่งเป็นโครงการการร่วมทุนกันระหว่าง CI , บมจ. ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล (ICC) และ บมจ. สหพัฒนพิบูล (SPC) ภายใต้ชื่อ บริษัท ร่วมอิสสระ จำกัดว่า หลังจากที่เปิดตัวการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในรูปแบบ Mixed Use ไปเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ในปัจจุบันมีโครงการแล้วเสร็จรวม 4 โครงการ ประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนียมติดทะเล ได้แก่ โครงการบ้านทิวทะเล อความารีน (Aquamarine) ปัจจุบันมียอดขายไปแล้วกว่า 97%, โครงการบ้านทิวทะเล บลูแซฟไฟร์ (Blue Sapphire) ปัจจุบันมียอดขายไปแล้วกว่า 75%, โครงการบลู (Blu) ปัจจุบันมียอดขายไปแล้วกว่า 50%
นอกจากนี้ยังมีโครงการใหม่ที่เพิ่งเปิดดำเนินการไปเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาได้แก่ โครงการ Baba Beach Club Hotel & Residences Hua hin ปัจจุบันมียอดขายในส่วนของเรสซิเดนซ์ ไปแล้วกว่า 70% รวมถึงยังมีในส่วนของ "บ้านโชค" ซึ่งเป็นบ้านพักตากอากาศเก่าแก่ของตระกูลโชควัฒนา ในสไตล์หัวหินโคโลเนียล ซึ่งได้มีการปรับรีโนเวทจากอาคารไม้หลังเดิมให้กลายเป็นอาคารโครงสร้างเหล็กที่ยังคงมีความทรงจำดี ๆ ของบ้านโชคให้เป็นส่วนหนึ่งภายในอาณาจักรทิวทะเลเอสเตทที่จะเป็นทั้งสถานที่ตากอากาศ ร้านอาหาร คาเฟ่ ห้องประชุม สถานที่จัดเลี้ยง งานแต่ง และพื้นที่จัดกิจกรรมดี ๆ ริมทะเลสวยๆ อีกด้วย
"ตลาด Mixed Use ชะอำ-หัวหิน ยังมีอยู่น้อยมาก หรือเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้ เพราะการหาทำเลที่มีพื้นที่กว้างขวางค่อนข้างหายาก ดังนั้นเมื่อทิวทะเลเอสเตทมีทำเลที่ตั้งที่ดีจึงมีความสนใจที่จะพัฒนาโครงการในลักษณะ Mixed Use ที่ผสมผสานทั้งอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย เพื่อการพักผ่อน และเพื่อการพาณิชย์ ที่รวมบ้านเดี่ยว คอนโด โรงแรม ในทำเลติดชายหาดยังมีอยู่น้อยมาก จึงนับได้ว่าเป็นโอกาสที่ดีของเราในการรุกตลาด Mixed Use ด้วยจุดเด่นของการมีทำเลที่ดี ทุกโครงการสามารถตอบโจทย์การพักอาศัยให้กับทุกๆ ไลฟ์สไตล์ ที่มาพร้อมกับการให้บริการเต็มรูปแบบ ซึ่งเราถือว่าเราเป็นเจ้าแรกที่ทำโครงการ Mixed Use ที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่ชะอำ-หัวหินออกมาได้สำเร็จ"นายสงกรานต์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของแผนการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ในอนาคต ภายใต้อาณาจักรทิวทะเลเอสเตท บริษัทมีแผนที่จะพัฒนาในรูปแบบรีสอร์ท มีคอมเมอร์เชียลสไตล์ใหม่ๆ เอ้าท์ดอร์เพลย์กราวด์ เพื่อสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้ตรงทุกกลุ่ม และให้มีความแตกต่างจากทุกโครงการที่พัฒนาออกมาเสริมเติมเต็มการให้บริการในทุกๆ รูปแบบ โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อเนรมิตให้อาณาจักรทิวทะเลเอสเตทแห่งนี้คือศูนย์รวมความครบวงจรสำหรับผู้ที่เข้ามาใช้บริการ และมุ่งสู่ความเป็น The Ultimate Luxury Beachfront Community
ขณะที่ทิศทางอสังหาริมทรัพย์ของตลาดชะอำ-หัวหิน ยังมีการเติบโตที่ดีขึ้นหลังจากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีความซบเซา โดยสังเกตได้จากการขึ้นโครงการใหม่ๆ ที่ผ่านมายังค่อนข้างน้อย แต่ในช่วงจากนี้ไปมองว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ ชะอำ-หัวหิน จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยมีปัจจัยหนุนจากภาครัฐที่มีแผนพัฒนาโครงการสาธารณูปโภคต่างๆ อาทิการสร้างทางด่วนยกระดับพระราม2 ลอยฟ้า กรุงเทพฯ-ราชบุรี และทางด่วนใหม่เชื่อมพระราม 3-วงแหวน รวมถึงรถไฟฟ้าความเร็วสูง กรุงเทพฯ ที่จะช่วยให้การเดินทางมาชะอำ-หัวหินมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
"จากปัจจัยด้านสาธารณูปโภคต่างๆ ดังกล่าวจะเป็นสิ่งที่ช่วยผลักดันให้เมืองชะอำ-หัวหิน เป็นเมืองที่น่าสนใจของนักท่องเที่ยว อีกทั้งยังส่งผลดีต่อภาคเศรษฐกิจการค้าให้เติบโตตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาตลาดอสังหาริมทรัพย์ของดีเวล็อปเปอร์ต่างๆ สนามกอล์ฟระดับเวิลด์คลาส แหล่งท่องเที่ยว ร้านอาหาร สถานบันเทิงใหม่ๆ ที่จะเข้ามาช่วยดึงความน่าสนใจให้กับเมืองชะอำ-หันหินให้เป็นแลนด์มาร์คยอดฮิตที่นิยมจากอดีตจนถึงปัจจุบันได้อีกด้วย" นายสงกรานต์ กล่าว
นายดิฐวัฒน์ อิสสระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ร่วมอิสสระ จำกัด เปิดเผยว่า ล่าสุดได้เปิดตัวภาพยนตร์ โฆษณาชุดแรก "ความทรงจำดีดี.....สู่ทิวทะเลเอสเตท" เพื่อเป็นการสื่อถึงความทรงจำดีๆ ในวัยเด็กของตัวเอง ความผูกพันกับพื้นที่แห่งนี้ ที่ได้สร้างความสุขระหว่างตนเองและครอบครัว
นายดิฐวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณานี้แล้ว ยังจะมีการจัดกิจกรรมหรืออีเว้นท์ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายและเพิ่มไลฟ์สไตล์ให้กับลูกค้า โดยในวันเสาร์ที่ 7 เมษายน 2561 เตรียมจัดงาน "Thew Talay Estate Beat of Life @ Baba Beach Club Hotel & Residences Hua hin" ขึ้น โดยไฮไลท์ภายในงานพบกับคอนเสิร์ตจาก บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์, แฟชั่นโชว์จาก Elle ฯลฯ, Water Sport by Iconic Studio นอกจากนี้จะมีโปรโมชั่นจากทุกโครงการ "วันเดียว ราคาเดียว" อีกด้วย
นายวรสิทธิ อิสสระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีพันวา แมเนจเมนท์ จำกัด และบริษัท อิสสระ จุนฟา จำกัด เปิดเผยว่าในส่วนของโรงแรมบาบา บีช คลับ หัวหิน มีแผนจะพัฒนาโรงแรมเพิ่มอีก 49 ห้อง พร้อมพัฒนาพื้นที่ให้มีห้องบอลรูม ห้องประชุมขนาดใหญ่ คูลสปา คิดส์คลับ ร้านอาหารซึ่งคาดว่าจะน่าเปิด ช่วงในปี 63 เพื่อเป็นการขยายพื้นที่รองรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาเที่ยวชะอำ-หัวหิน มากขึ้น
อนึ่ง จากข้อมูลการท่องเที่ยวชะอำ-หัวหิน ในปี 2558 ที่ผ่านมามีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยและเดินทางท่องเที่ยวชะอำ-หัวหิน ทั้งหมด 4,835,371 คน และ 5,923,321 คน ตามลำดับ ซึ่งมีอัตราการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งชะอำ-หัวหิน ยังมีเป็นเมืองที่มีความน่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยว การเดินทางสะดวกสบาย ห่างจากกรุงเทพฯ เพียง 2 ชั่วโมง