NUSA-W3 ปิดเทรดวันแรกที่ 0.10 บาท มูลค่าซื้อขาย 318,470 บาท โดยเปิดตลาดที่ 0.07 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 0.11 บาท และราคาลงต่ำสุด 0.07 บาท
ขณะที่หุ้น NUSA ปิดที่ 0.39 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 3.20 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 0.40 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 0.40 บาท และราคาลงต่ำสุด 0.38 บาท
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของ NUSA-W3 ที่ 0.01 บาท (BSM) อิงราคาหุ้นแม่ที่ 0.39 บาท คิดเป็น All-in Premium ที่ 129% เนื่องจากสถานะที่ Deep Out of The Money, ความผันผวนที่ต่ำ และอายุเพียง 2 ปี แต่อย่างไรก็ตาม ต้นทุนของผู้ที่ได้รับ NUSA-W3 อยู่ที่ 0.06 บาท/ใบสำคัญแสดงสิทธิ (ราคาหุ้นคงที่จากวันก่อนหน้า XRW แต่ราคาเพิ่มทุนอยู่ที่ 0.50 สูงกว่าราคาหุ้น NUSA ในกระดานที่ 0.44 บาท) ทำให้มีโอกาสสูงที่ราคาจะเปิดเกินมูลค่าที่เหมาะสม ทำให้มองว่าเมื่อเทียบกับ NUSA แล้ว มองว่าหุ้นแม่มีความน่าสนใจที่มากกว่า
แต่มองว่าทั้ง NUSA และ NUSA-W3 จะมีข้อจำกัดด้านสภาพคล่องในการซื้อขาย (ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมามูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 2.2 ล้านบาท/วัน) และ NUSA-W3 จะมีการใช้สิทธิครั้งแรกในวันที่ 31 พ.ค. 2561 ซึ่งต่างจากกำหนดการปกติ ซึ่งมองว่าไม่น่าเกิดการใช้สิทธิ เนื่องจากราคาใช้สิทธิที่สูงกว่าราคาในกระดานมาก
พร้อมประเมินมูลค่าของ NUSA-W3 ไว้ในกรอบ 0.005-0.012 บาท โดยหุ้น NUSA เคลื่อนไหวในกรอบ 0.35-0.45 บาท เมื่อราคาหุ้น NUSA เคลื่อนไหวในกรอบ 0.35-0.45 บาท โดยมี Volatility ที่ 42%
บริษัทประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ให้เช่า โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ 1. ธุรกิจขายที่ดินเปล่า และบ้านพร้อมที่ดิน 2. ธุรกิจขายและให้เช่าพื้นที่ในส่วนของพลาซ่าทางด้านสุขภาพ 3. ธุรกิจรับจ้างก่อสร้าง 4. คอนโดมิเนียม
NUSA-W3 จำนวนที่ออก 693.94 ล้านหน่วย จัดสรรให้แก่ผู้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนในอัตราส่วน 10 หุ้นเดิม : 1 หุ้นเพิ่มทุนที่ราคา 0.50 บาท : 1 หลักทรัพย์แปลงสภาพ อัตราใช้สิทธิ 1 : 1 @ 1.00 บาท, อายุ 2 ปี โดยสามารถใช้สิทธิได้ทุกวันทำการสุดท้ายของเดือน พ.ย. (โดยใช้สิทธิได้ครั้งแรกในวันที่ 31 พ.ค. 2018 และใช้สิทธิครั้งสุดท้ายในวันที่ 18 ก.พ. 2563)