(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้รีบาวด์ตามภูมิภาคหลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้ง-ราคาน้ำมันขยับขึ้นหนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 22, 2018 09:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่อยู่ในแดนบวก หลังผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ออกมาไม่ได้แย่อย่างที่คิด โดยสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ยังคงเป็น 3 ครั้ง

นอกจากนั้น เฟดยังคงเป้าหมายตัวเลขเงินเฟ้อ แสดงให้เห็นว่าไม่ได้กังวลมากนัก และมีการปรับเพิ่มเป้าหมายอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของสหรัฐฯในปีนี้ จากเดิมคาดว่าจะเติบโต 2.5% เป็น 2.7% และในปีหน้าคาดว่าจะเติบโต 2.9% จากเดิม 2.7%

อีกทั้งราคาน้ำมันวานนี้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อว ซึ่งเป็นผลจากการเข้ามาเล่นเก็งกำไรหลังจากที่ซาอุดิอาระเบียได้ไปเยือนสหรัฐฯ ทำให้เกิดความตึงเครียดมากขึ้น แต่ก็เป็นผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน อย่างหุ้น PTT, PTTEP ส่วน AOT ก็ได้ผลดีจากการท่องเที่ยว ซึ่งวันนี้น่าจะได้เห็นนักลงทุนกล้าเข้ามาเล่นมากขึ้น

ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศ ตัวเลขการส่งออกและการท่องเที่ยวออกมาดี รวมถึงภาคการผลิตเริ่มฟื้นตัว พร้อมให้แนวรับ 1,795 จุด ส่วนแนวต้าน 1,812-1,815 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (21 มี.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,682.31 จุด ลดลง 44.96 จุด (-0.18%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,711.93 จุด ลดลง 5.01 จุด (-0.18%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,345.29 จุด ลดลง 19.02 จุด (-0.26%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 0.32 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 161.41 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 34.83 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 9.87 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 12.70 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.03 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 28.81 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (21 มี.ค.61) 1,801.43 จุด เพิ่มขึ้น 1.59 จุด (+0.09%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,081.62 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 มี.ค.61
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (21 มี.ค.61) ปิดที่ระดับ 65.17
ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.63 ดอลลาร์ หรือ 2.6%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (21 มี.ค.61) ที่ 6.98 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.16 แข็งค่าตามภูมิภาค จากดอลล์อ่อนหลังเฟดขึ้นดอกเบี้ยตามคาด
  • ส่งออกก.พ.โต 10.3% ขยายตัวดีทุกตลาด อานิสงส์กำลังซื้อโลกพุ่ง สินค้าไทยยังแข่งขันได้ เผย"ยานยนต์"นำโด่งโต 31% "พาณิชย์" ห่วงบาทแข็งฉุดส่งออกสินค้าเกษตร สั่งจับตาใกล้ชิด มั่นใจทั้งปีโตตามเป้า 8% ด้าน "แบงก์ชาติ" ยอมรับขยายตัวเกินคาด เล็งปรับประมาณการปีนี้ใหม่ ขณะ "เอกชน" หวั่นพิษบาทแข็ง ฉุดส่งออกไตรมาส 2 เผยผู้ผลิตที่ใช้วัตถุดิบในประเทศ เริ่มชะลอขายสินค้า รอบาทอ่อน เหตุเสี่ยงขาดทุน
  • กระทรวงท่องเที่ยวเผย 2 เดือน ภาพรวมนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย 7.1 ล้านคน โตเฉียด 15% ไทยโกยรายได้จีน 1.16 แสนล้าน ชี้ยอดเดินทางเข้าเมืองรอง 55 จังหวัดกระเตื้อง คนไทย-ต่างประเทศหนุนโตเกินค่าเฉลี่ย เผยแผนรับงบกลางเล็งปั้นโครงการริเวียร่า-อยุธยา-อีสานใต้ กระจายหนาแน่นจากเมืองหลัก
  • ดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ก.พ. 61 แตะ 89.9 ลดลงครั้งแรกรอบ 4 เดือนจากที่ขึ้นมาต่อเนื่อง เหตุเชื่อมั่นเอสเอ็มอีดิ่งกังวลต้นทุนเพิ่มจากค่าแรงที่จ่อปรับ 1 เม.ย. ค่าเงินผันผวน ผู้ส่งออกกังวลมาตรการกีดกันทางการค้าที่มากขึ้น ด้านรถยนต์ทิศทางสดใสลุ้นเป้าผลิตปีนี้ได้ 2 ล้านคันจากที่พลาดมาแล้ว 3 ปี
  • ท่องเที่ยวคาดสงกรานต์หยุด 5 วันเงินสะพัด 19,820 ล้านบาท ด้าน ททท.หันเจาะตลาดกลุ่มผู้มีบุตรยากในจีน ชูกลุ่มเป้าหมาย 1 ล้านคู่ ชาญอิสสระบุกอสังหาทำเลชะอำ-หัวหิน

*หุ้นเด่นวันนี้

  • CHAYO บมจ.ชโย กรุ๊ป เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มธุรกิจการเงิน โดยราคาขาย IPO 2.88 บาท/หุ้น กลุ่มบริษัท CHAYO ประกอบธุรกิจ 3 ประเภท ได้แก่ 1) ธุรกิจเจรจาติดตามทวงถามและเร่งรัดหนี้
ตามเงื่อนไขที่ผู้ว่าจ้างกำหนดภายใต้พระราชบัญญัติและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ หนี้บัตรเครดิต หนี้เงินกู้ส่วนบุคคล หนี้ค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น 2) ธุรกิจลงทุนและบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ โดยประมูลซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากสถาบันการเงินและบริษัทที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน ทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน และ 3) ธุรกิจศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า
  • PTTEP (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ทยอยสะสม" เป้า 125 บาท ในระยะสั้นคาดราคาน้ำมันมีโอกาสฟื้นตัว ภายหลังเกิดความกังวลต่อแผนการบริหารภายใต้การดำเนินงานของ Trump อย่างต่อเนื่องส่งผลทางอ้อมกดดันค่าเงินดอลลาร์ สะท้อนการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบอีกครั้ง ส่งผลให้ระยะสั้นเราคาดเกิด Technical rebound ในราคาน้ำมันดิบ (brent) ที่บริเวณ 65-67 เหรียญ/บาร์เรล พร้อมปรับประมาณการกำไรปี 61-62 ขึ้น 5.2-9.8% เป็น 3.31 และ 3.46 หมื่นล้านบาท จากการปรับสมมติฐานราคาน้ำมันดิบขึ้นเป็น 60 เหรียญ/บาร์เรล ในขณะที่เชิงพื้นฐานคาดกำไร Q1/61 มีแนวโน้มเติบโต QoQ จากราคาขายที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น และต้นทุนต่อหน่วยที่คาดลดลง
  • BGRIM (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 32 บาท มีมุมมองเชิงบวกต่อแผนการขยายกำลังผลิตไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศต่อเนื่อง โดยคาดกำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุนในปี 2018-2022 จะเพิ่มเฉลี่ย 12.8% ต่อปี (CAGR) และจะหนุนต่อการเติบโตของกำไรปกติในอัตราเฉลี่ย 22% ต่อปี (CAGR) ในช่วงดังกล่าว โดยคาดกำไรปกติในปีนี้จะโตสูงเกือบ 40% Y-Y อยู่ที่ 2.4 พันลบ. จากโรงไฟฟ้า SPP ใหม่ 3 โรงมีกำหนดทยอย COD ตั้งแต่ Q1/61 อีกทั้ง ยังมีจุดเด่นด้านกระแสเงินสดค่อนข้างมั่นคงจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว (PPA) และมี Upside จากโอกาสการลงทุนโครงการใหม่ เช่น โครงการ Solar ในเวียดนาม ที่มีแนวโน้มชัดเจนมากขึ้นในกลางปีนี้
  • BANPU (ไอร่า) เป้า 28 บาท คาดกำไรจากการดำเนินงานปกติ (Normalized profit) ในปี 61 อยู่ที่ 10,659 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 7 ปี จากแนวโน้มราคาถ่านหินที่เพิ่มขึ้น คาดส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานเหมืองถ่านหินของ BANPU ทั้งอินโดนีเซีย และออสเตรเลีย โดยเฉพาะเหมืองถ่านหินที่ออสเตรเลีย คาดผลการดำเนินฟื้นตัวโดดเด่น เนื่องจากเป็นเหมืองใต้ดินที่ต้นทุนผลิตค่อนข้างคงที่ โดยคาดราคาขายถ่านหินสำหรับเหมืองถ่านหินที่อินโดนีเซียในปี’61 อยู่ที่ 80 USD/ton เพิ่มขึ้นจาก 75 USD/ton เมื่อปี 60 ขณะที่เราคาดราคาถ่านหินอ้างอิงปี’61 อยู่ที่ 85 USD/ton จากปัจจุบันที่ ประมาณ 100 USD/ton

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ