SGP คาดครึ่งปีแรกของปี 61 โตดีกว่างวดเดียวกันปีก่อนจากราคาก๊าซเพิ่มขึ้น-รุก ตปท.ดันยอดขาย

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 22, 2018 16:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางจินตณา กิ่งแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ (SGP) เปิดเผยว่า บริษัทคาดผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 61 เติบโตเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปีก่อน จากราคาก๊าซปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมองราคาก๊าซ LPG ปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ไม่เกิน 600 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากปีก่อนอยู่ที่กว่า 500 เหรียญสหรัฐ/ตัน

นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนเข้าไปทำตลาดในต่างประเทศมากขึ้นเพื่อเพิ่มยอดขายให้แก่บริษัท โดยตั้งเป้าสัดส่วนยอดขายจากต่างประเทศ 70% และยอดขายภายในประเทศ 30% โดยบริษัทเตรียมขยายตลาดเข้าสู่จีนตอนเหนือมากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก จากปัจจุบันที่เป็นผู้นำตลาดในจีนตอนใต้ โดยนำเข้า LPG ติดอันดับหนึ่งในสามของจีน และมีคลังเก็บก๊าซใต้ดินขนาดใหญ่สองแห่งในจีนที่เมืองซัวเถาและเมืองจูไห่ รวมจำนวน 300,000 ตัน

"ในปีนี้เราวางเป้าหมายยอดขายก๊าซ LPG เติบโตราว 10% หรือประมาณ 3.5 ล้านตัน เทียบปีที่ผ่านมีรายได้รวมประมาณ 60,000 ล้านบาท จากยอดขายกว่า 3.2 ล้านตัน โดยได้รับปัจจัยบวกยอดขายก๊าซแอลพีจีที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ"

ขณะเดียวกันบริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาการสร้างคลังบรรจุก๊าซในอินโดนีเซีย โดยมีการใช้ทีมวิศวกรในไทยเพื่อศึกษาสถานที่ตั้งในการสร้างคลังท่าเรือและโรงบรรจุก๊าซขนาด 3-5 พันตัน จากปัจจุบันมีการส่งออกก๊าซให้ลูกค้าเพียงอย่างเดียว โดยคาดว่ารูปแบบการลงทุนจะเป็นในลักษณะร่วมทุน คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปี 62

ส่วนความคืบหน้าการก่อสร้างคลังก๊าซ LPG ที่มาเลเซียขนาด 3-5 พันตัน คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3/61 ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขายในปี 62 ให้ดีขึ้นจากปัจจุบันที่ระดับ 3,000 ตัน/ปี เป็น 10,000 ตัน/ปี

สำหรับการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานดีเซลในเมียนมา เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าให้กับสหกรณ์หมู่บ้านโดยตรง เฟส 1 ขนาดกำลังการผลิต 10 เมกะวัตต์ เตรียมขายไฟฟ้าเข้าระบบในเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ภายในเดือนเม.ย.นี้ ก่อนขยายในเฟสต่อไป ตามความต้องการของสหกรณ์หมู่บ้านในแต่ละพื้นที่

นางจินตนา ระบุถึงแผนลงทุนในปีนี้ตั้งงบไว้ที่ 2,000 ล้านบาทเพื่อขยายธุรกิจ ซึ่งบริษัทฯ มองหาลู่ทางการลงทุนใหม่ๆต่อเนื่อง เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคง ทั้งในส่วนของธุรกิจโรงไฟฟ้าหรือธุรกิจ LNG เป็นต้น ขณะที่สัดส่วนหนี้สินที่มีดอกเบี้ยต่อทุน (IBD/E) อยู่ในระดับต่ำเพียง 0.95 เท่า หากต้องการขอวงเงินสนับสนุนสินเชื่อจากสถาบันการเงินก็สามารถดำเนินการได้ทันที

อีกทั้งเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา บริษัทได้รับความไว้วางใจจากกองทุน CGIF ในการค้ำประกันหุ้นกู้บางส่วนจากการออกจำหน่ายหุ้นกู้จำนวน 2,000 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับอันดับเครดิตความน่าเชื่อถือที่ระดับ A คงที่จากบริษัท ทริสเรตติ้ง จำกัด ซึ่งส่งผลดีต่อบริษัทในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าสถาบันการเงิน (II) และนักลงทุนรายใหญ่ (HNW) มากขึ้น พร้อมทั้งส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินของบริษัทต่ำลงจากเดิม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ