นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานกรรมการ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) เปิดเผยว่า กลุ่มบมจ.ปตท. (PTT) มีแผนลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในช่วง 5 ปี (ปี 61-65) สำหรับธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นราว 3 แสนล้านบาทโดยในส่วนนี้เป็นการลงทุนของกลุ่มบมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ราว 1.5 แสนล้านบาท เป็นการขยายปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ ซึ่งจะมีส่วนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยทั้งระบบ ให้เกิดการกระจายความเจริญทางเศรษฐกิจสู่ชุมชน
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ของ PTTGC กล่าวว่า แผนการลงทุนของกลุ่มบริษัท ประกอบด้วย โครงการปิโตรเคมี 3 โครงการที่ได้ทำพิธีวางศิลาฤกษ์ในวันนี้ ซึ่งมีมูลค่าลงทุนรวมราว 7 หมื่นล้านบาทซึ่งจะมีผลิตภัณฑ์แรกออกมาในปี 63 ได้แก่ โครงการปรับปรุงกระบวนการผลิตโอเลฟินส์ (ORP: Olefins Reconfiguration Project) เป็นการก่อสร้างโครงการโอเลฟินส์แห่งใหม่ มีกำลังการผลิตเอทิลีน 5 แสนตัน/ปี และโพรพิลีน 2.5 แสนตัน/ปี จะเริ่มผลิตภายในปี 63 มูลค่าลงทุนราว 3.6 หมื่นล้านบาท
โครงการผลิตสารโพรพิลีน ออกไซด์ (Propylene Oxide Project) และ โครงการผลิตสารโพลีออลส์ (Polyols Project) หรือโครงการ PO/Polyols เป็นโครงการในสายโพลียูริเทน อยู่ในกลุ่มเคมีภัณฑ์สมรรถนะสูง (Performance Materials & Chemicals) ที่เป็นการต่อสายธุรกิจผลิตภัณฑ์โพลียูรีเทน อย่างครบวงจร เป็นผลิตภัณฑ์ที่ตลาดกำลังมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น ตามการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมก่อสร้าง อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ไฟฟ้า โดยทั้ง 2 โครงการมีมูลค่าลงทุนรวมกันประมาณ 3.2 หมื่นล้านบาทคาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ปี 63
การลงทุนโครงการไบโอคอมเพล็กซ์เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) ของบมจ.โกลบอลกรีนเคมิคอล (GGC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ดำเนินการในจ.นครสวรรค์ แต่จะนำผลิตภัณฑ์ที่ได้บางส่วนมาลงทุนในพื้นที่ EEC ด้วย โดยโครงการมีมูลค่าลงทุนกว่า 4 หมื่นล้านบาท โดยเฟสแรกแล้วเสร็จปี 63 ,การขยายท่าเรือของกลุ่มบริษัท ในพื้นที่ EEC มูลค่า 20 ล้านเหรียญสหรัฐ แล้วเสร็จในไตรมาส 3/62
นอกจากนี้ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการศึกษาหลายโครงการ มูลค่าลงทุนราว 1 หมื่นล้านบาท/โครงการ ได้แก่ การผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์พลาสติกวิศวกรรมชั้นสูงประเภท High-Heat Resistant Polyamide-9T (PA9T) และ Hydrogenated Styrenic Block Copolymer (HSBC) เริ่มผลิตปี 65 ,โพลีโพรพิลีน (PP) เกรดพิเศษ คาดว่าเริ่มผลิตปี 64 ,โครงการผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Secondary Alcohol Ethoxylates (SOFTANOL) คาดว่าจะเริ่มผลิตในปี 65 ,โครงการต่อยอดผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี สายโพรเพน และพลาสติกชีวภาพที่ได้รับโอนจาก PTT เมื่อกลางปีที่แล้ว เป็นต้น
โดยบริษัทจะซื้อที่ดินในเขตนิคมอุตสาหกรรมเอเชีย ในจ.ระยอง จาก PTT กว่า 890 ไร่ ด้วยมูลค่าราว 7.2 พันล้านบาท เพื่อรองรับการลงทุนในอนาคตตามทิศทางและแผนกลยุทธ์ระยะยาวของบริษัท
"วันนี้ PTTGC พร้อมที่จะลงทุนเดินหน้าโครงการปิโตรเคมี 3โครงการ มูลค่าราว 7 หมื่นล้านบาท ในพื้นที่ EEC ที่นับเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน และเป็นประตูสู่ทวีปเอเชีย ยุโรปและอเมริกา ถือเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของโลก"นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า บริษัทเชื่อมั่นว่า EEC จะสร้างโอกาสการกลับมาลงทุนใหม่ของนักลงทุนบนพื้นที่เดิม ด้วยมีจุดแข็ง ในด้านโครงสร้างพื้นฐานเดิมที่พัฒนาต่อยอดใหม่ โดยบริษัทได้เชิญนักลงทุนต่างชาติมาเยี่ยมชมพื้นที่ใน EEC และยังได้ไปออกไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ที่ญี่ปุ่น ซึ่งขณะนี้มีนักลงทุน 7-8 บริษัทที่ให้ความสนใจและตัดสินใจร่วมลงทุน โดยได้มีการลงนาม MOU แล้ว 5 บริษัท คิดเป็นเงินลงทุนใน EEC รวมกว่า 1 แสนล้านบาท ในระยะ 5 ปี ซึ่งเงินลงทุนดังกล่าวรวม 3 โครงการที่ได้วางศิลาฤกษ์ในวันนี้ด้วย
ทั้งนี้ บริษัทมีเงินทุนเพียงพอที่พร้อมจะลงทุนจำนวนมากในพื้นที่ EEC เนื่องจากเป็นลักษณะทยอยลงทุน ซึ่งปัจจุบันเงินสดของกลุ่มที่มีอยู่ราว 6 หมื่นล้านบาท และยังมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเข้ามาต่อเนื่อง โดยปีที่แล้วมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ราว 6 หมื่นล้านบาท อีกทั้งมีหนี้สินต่อทุน (D/E) ต่ำราว 0.15 เท่า ทำให้มีศักยภาพในการกู้ราว 1.3 แสนล้านบาท ซึ่งเพียงพอรองรับการลงทุน ขณะเดียวกันบริษัทคาดหวังว่าการลงทุนดังกล่าวจะช่วยสร้างรายได้ให้เติบโตก้าวกระโดดได้ในอนาคต