นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/61 ยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี โดยค่าการกลั่น (GRM) อยู่ที่ราว 6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอยู่ที่ราว 1.1 แสนบาร์เรล/วัน ทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 4/60 ขณะที่ปริมาณการขายน้ำมันผ่านสถานีบริการดีขึ้น โดยส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ราว 15.8% ในเดือนม.ค. ซึ่งนับว่าต่อเนื่องติดต่อกันตั้งแต่เดือนพ.ย.60
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของราคาน้ำมันดิบแม้จะปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ราว 65 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในปัจจุบัน แต่ก็เชื่อว่าจะไม่ทำให้มีผลกำไรจากสต็อกน้ำมันในช่วงไตรมาส 1/61 แต่อย่างใด เนื่องจากราคาน้ำมันในช่วงเดือนม.ค.ก็อยู่ในระดับ 65-66 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ก่อนจะอ่อนตัวลงมาอยู่ในช่วง 59-60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในเดือนก.พ. และกลับมายืนทรงตัวที่ราว 65 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในขณะนี้
สำหรับราคาน้ำมันยังขึ้นอยู่กับนโยบายการเมืองของในแต่ละภูมิภาค โดยในช่วงปลายปีถึงต้นปีนี้ราคาน้ำมันดิบยืนอยู่ในช่วง 60-65 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยทิศทางราคาน้ำมันก็น่าจะยังทรงตัวอยู่ในระดับดังกล่าวในช่วงปีนี้ แม้ตลาดจะมีความกังวลต่อการผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) จากสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นก็ตาม แต่ล่าสุดก็พบว่า shale oil ไม่ได้ตอบโจทย์ได้ทั้งหมด เนื่องจากโรงกลั่นที่ผลิตน้ำมันอยู่ในปัจจุบันส่วนใหญ่ออกแบบเพื่อรองรับการกลั่นน้ำมันหนัก ขณะที่ shale oil จากสหรัฐฯเป็นน้ำมันเบา ซึ่งหากนำมาผสมในปริมาณที่มากเกินไปก็อาจจะมีปัญหาต่อโรงกลั่นได้ ดังนั้น ความต้องการใช้น้ำมันจากตะวันออกกลางยังคงมีมากพอสมควร ทำให้ราคาน้ำมันดิบดูไบในช่วงนี้ปรับตัวสูงขึ้น
ด้านนายสมชัย เตชะวณิช ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจการตลาด ของ BCP กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายปริมาณขายน้ำมันผ่านสถานีบริการน้ำมันในปีนี้ เติบโตไม่ต่ำกว่า 6% จากราว 320 ล้านลิตร/เดือนในปีที่แล้ว ซึ่งสูงกว่าตลาดรวมที่คาดว่าจะเติบโต 3.5% ในปีนี้ ตามการเปิดสถานีบริการน้ำมันใหม่ในปีที่แล้ว 62 แห่ง และมีแผนเปิดสถานีบริการใหม่อีก 80 แห่งในปีนี้ โดยสถานีบริการน้ำมันที่เปิดใหม่ส่วนใหญ่เป็นรูปแบบที่ทันสมัย มีร้านค้าสะดวกซื้อและร้านกาแฟ รวมถึงการเพิ่มฐานสมาชิกบัตรแก๊สโซฮอล์คลับและดีเซลคลับ ปีละกว่า 6 แสนราย ทำให้มีฐานสมาชิกบัตรรวม 2.8 ล้านรายในปัจจุบัน ตลอดจนการเน้นงานบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้นด้วย
ในช่วงไตรมาส 1/61 คาดว่าปริมาณขายน้ำมันผ่านสถานีบริการน้ำมันเติบโต 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีส่วนแบ่งการตลาด อยู่ที่ 15.8% เพิ่มขึ้นจากระดับ 15.4% จากทั้งปีที่แล้ว ทำให้คาดว่าในปีนี้มีโอกาสที่จะผลักดันส่วนแบ่งตลาดได้มากกว่าเป้าหมายที่อยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 15.6%
อย่างไรก็ตาม แม้สภาพตลาดค้าปลีกน้ำมันในปีนี้มีแนวโน้มที่จะแข่งขันกันสูง แต่ก็ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกที่เพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทก็ยังมุ่งเน้นการปรับปรุงสถานีบริการน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน และรักษาการบริการและมาตรฐานที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถรองรับการแข่งขันที่สูงขึ้นได้ โดยในช่วงสงกรานต์นี้บริษัทก็เตรียมที่จะออกโปรโมชั่นใหม่เพื่อตอบรับการเดินทางของประชาชน หลังล่าสุดได้จัดโครงการนิยมไทย ด้วยการให้พนักงานในสถานีบริการน้ำมันบางจาก แต่งชุดไทยในวันศุกร์ ซึ่งได้เริ่มมาตั้งแต่ช่วง ก.พ.และจะต่อเนื่องจนถึงช่วงสงกรานต์ด้วย
นายสมชัย กล่าวว่า การที่ปริมาณขายน้ำมันผ่านสถานีบริการของบางจากที่เติบโตมากขึ้น ทำให้มีเป้าหมายที่จะทยอยลดการขายส่งให้กับผู้ค้าน้ำมันอื่น ๆ (จ็อบเบอร์) และหมดไปภายในปี 65 จากปัจจุบันที่ปริมาณการขายน้ำมันของบางจากอยู่ที่ราว 500 ล้านลิตร/เดือน แบ่งเป็นการขายผ่านสถานีบริการน้ำมัน 330-340 ล้านลิตร/เดือน ,ขายให้กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมและน้ำมันอากาศยานราว 120 ล้านลิตร/เดือน ส่วนที่เหลืออีก 40 ล้านลิตร/เดือน เป็นการขายให้จ็อบเบอร์
นอกจากนี้ การที่บริษัทวางเป้าหมายเป็นผู้นำด้านพลังงานทดแทน ทำให้บริษัทเริ่มกลับมาหารือกับกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) อีกครั้งเพื่อร่วมกันหาแนวทางการส่งเสริมให้เกิดการใช้ไบโอดีเซล (B100) ผสมในน้ำมันดีเซล 20% เป็น B20 ในรถบรรทุก หลังจากก่อนหน้านี้บริษัท ,พพ. และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ร่วมกันทำโครงการทดลองและวิจัยการนำ B20 มาใช้ในกลุ่มผู้ประกอบการรถบรรทุก 3 รายแต่ก็ได้ยุติโครงการไป อย่างไรก็ตามยังมองว่าโอกาสที่จะเพิ่มสัดส่วนการใช้ไบโอดีเซล ในน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นในเชิงธุรกิจ น่าจะเริ่มที่ B10 เป็นขั้นตอนแรกได้ก่อน จากปัจจุบันที่มีการใช้อยู่ในระดับของ B7