นายทองคำ มานะศิลปะพันธ์ ประธานกรรมการ บมจ.ไซแมท เทคโนโลยี (SIMAT) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2561 เมื่อวันที่ 22 มี.ค.61 มีมติอนุมัติการเข้าร่วมลงทุนในบริษัท ฮินชิซึ (ประเทศไทย) จำกัด (ฮินชิซึ) ซึ่งประกอบธุรกิจ Silk Screen Printing ที่เป็นแผงวงจรควบคุมสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นแผงกดเตาไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า เป็นต้น เพื่อรองรับกระแสดิจิทัลที่กำลังมาแรงขึ้นทุกปี โดยการเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนในฮินชิซึจากผู้ถือหุ้นเดิม รวมเป็นเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 280 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 70 ของหุ้นสามัญทั้งหมดของฮินชิซึ โดยธนาคารพาณิชย์ให้กู้เงินเพื่อซื้อกิจการจำนวน 187 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจำนวน 93 ล้านบาทจะใช้เงินจากการเพิ่มทุน ให้ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน (Right Offering:RO)
"การเข้าซื้อหุ้นในธุรกิจ Silk Screen Printing ครั้งนี้ จะช่วยผลักดันภาพรวมรายได้และกำไรของบริษัท ในปี 2561 ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น เนื่องจากบริษัท ฮินชิซึ มีรายได้เฉลี่ย 300-400 ล้านบาทต่อปี อีกทั้งยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีตามภาวะอุตสาหกรรม Home Appliance อีกด้วย โดยปี 2560 จากงบภายในมียอดกำไรสุทธิเกือบ 40 ล้านบาท นอกจากนี้การได้ธุรกิจ Silk Screen Printing มารวมกับธุรกิจ Label Printing ของบริษัทย่อยนั้น จะช่วยลดต้นทุนการผลิตโดยเฉพาะต้นทุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์และต้นทุนการสั่งซื้อวัตถุดิบจาก Economy of Scale และช่วยเพิ่มรายได้ทั้งสองฝ่ายจากการรวมฐานลูกค้าที่เป็นลูกค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ส่งผลให้รายได้เติบโตขึ้นและต้นทุนการผลิตลดลง โดย SIMAT จะเริ่มรับรู้รายได้จากการลงทุน ได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/2561 เป็นต้นไป" นายทองคำ กล่าว
นายทองคำ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ยังมีมติให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติให้บริษัทออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 106.4 ล้านหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท ตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่ (Right Offering) ในอัตราส่วน 5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ราคาเสนอขายหุ้นละ 2 บาท โดยบริษัทคาดว่าจะได้รับเงินจากการเพิ่มทุนดังกล่าวประมาณ 175 ล้านบาท ซึ่งเงินเพิ่มทุนส่วนหนึ่งจำนวน 93 ล้านบาท จะไว้ใช้สำหรับลงทุนซื้อกิจการของฮินชิซึ ส่วนที่เหลือจะนำไปใช้คืนหนี้เงินกู้ระยะยาวและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
นอกจากนี้ยังมีมติอนุมัติการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทครั้งที่ 4 (SIMAT-W4) จำนวนไม่เกิน 53.2 ล้านหน่วย จัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 12 หุ้นต่อ 1 วอร์แรนต์ หลังจากบริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้ว โดยมีราคาใช้สิทธิที่ 1 บาท ใช้สิทธิได้ครั้งเดียวเมื่อสิ้นอายุ 3 ปี หรือในปี 64
รวมถึงยังมีมติอนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพโดยเฉพาะเจาะจง (Private Placement) จำนวนไม่เกิน 500 ล้านบาท ให้แก่ Advance Opportunities Fund I (AO FUND) ซึ่งถือเป็นเงินสำรองสำหรับบริษัทเพื่อใช้ในการลงทุนขยายกิจการ งานโครงการภาครัฐ หรือซื้อกิจการใหม่อื่นๆ โดยจะใช้ก็ต่อเมื่อมีโครงการที่ให้ผลตอบแทนดีและความเสี่ยงต่ำ โดยคาดว่าจะเริ่มใช้ในช่วงปลายปี 61 เป็นต้นไป
ส่วนแผนและยุทธ์ศาสตร์การดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทยังคงมุ่งมั่นเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ เช่น การจับมือกับพันธมิตรยักษ์ใหญ่อสังหาริมทรัพย์ ของเมืองไทย เพื่อขยายการให้บริการด้านอินเทอร์เน็ตและไอที ในตึก อาคารสำนักงาน และโฆษณาตามอาคาร การจับมือกับพันธมิตรเคเบิ้ลท้องถิ่น เพื่อต่อยอดให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านโครงข่ายใยแก้วนำแสง (FTTx) ภายใต้แบรนด์ "Sinet" จากเดิม B-C เป็น B-B ซึ่งเชื่อมั่นว่าการเข้ามาเจาะตลาดนี้ของ SIMAT จะช่วยขยายฐานรายได้ และผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น พร้อมกลับมาเทิร์นอะราวด์ตามแผนภายในปีนี้แน่นอน