นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) กล่าวว่า ธนาคารได้ประกาศ "ฟรีค่าธรรมเนียม" ทุกรายการ ไม่จำกัดจำนวนครั้ง สำหรับบริการ "โอน เติม จ่าย" ซึ่งเป็นบริการที่ลูกค้ารายย่อยและลูกค้าผู้ประกอบการบริการนิยมใช้ผ่าน 4 ช่องทาง ได้แก่ K PLUS, K PLUS SME, K-Cyber, K-Cyber SME ตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคมจนถึงสิ้นปีนี้ จากเดิมโอนข้ามเขต ฟรี 5 ครั้งต่อเดือนและครั้งต่อไปรายการละ 10 บาท, โอนต่างธนาคารแบบทันทีรายการละ 25-35 บาท และจ่ายบิลค่าสินค้าและบริการ และเติมเงินทุกประเภทรายการละ 5-20 บาท
ค่าธรรมเนียมที่ถูกลง จำนวนฐานลูกค้าที่มีกว่า 14.5 ล้านราย แนวโน้มปริมาณธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัลที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะกระตุ้นให้มีปริมาณการทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัลมากขึ้น ส่งผลให้ธนาคารมีต้นทุนการบริหารจัดการเงินสดที่ลดลงในระยะยาว ช่วยลดต้นทุนให้ระบบเศรษฐกิจ ทั้งระดับส่วนรวม ร้านค้า และลูกค้าที่ใช้บริการ โดยตั้งเป้าว่า การลดค่าธรรมเนียมดังกล่าว จะทำให้มีปริมาณธุรกรรมเพิ่มขึ้นเป็น 6,000 ล้านรายการ ภายในกลางปีนี้
ณ วันที่ 25 มี.ค.61 จำนวนลูกค้าที่ใช้ช่องทาง K PLUS มีจำนวนผู้ใช้งาน 8.1 ล้านราย มูลค่าธุรกรรมการเงิน 6.3 ล้านล้านบาทต่อปี, K-Cyber Banking มีจำนวน 1.7 ล้านราย มูลค่าธุรกรรมการเงิน 1.7 ล้านล้านบาทต่อปี, K PLUS SME มีจำนวน 4.4 แสนราย มีมูลค่าธุรกรรมการเงิน 0.2 ล้านล้านบาทต่อปี และ K Cyber SME มีจำนวน 43,000 ราย มีมุลค่าธุรกรรมการเงิน 0.4 ล้านล้านบาทต่อปี
ทั้งนี้ ภายใต้การขับเคลื่อนโครงการ "National e-Payment" พร้อมสนับสนุนให้ประเทศไทยเข้าสู่สังคมไร้เงินสด (Cashless Society) ส่งผลให้มีการทำธุรกรรมโดยผ่านช่องทางดิจิทัลมากขึ้น เพราะเป็นช่องทางที่ง่าย สะดวก และปลอดภัย โดยเฉพาะการใช้จ่ายด้วยคิวอาร์ โค้ด เห็นได้จากตัวเลขของธนาคารกสิกรไทยที่มีจำนวนร้านค้ารับคิวอาร์ โค้ด มากกว่า 1 ล้านร้านค้า และมีปริมาณธุรกรรมในไตรมาสแรกของปีนี้กว่า 1,500 ล้านบาท
ธนาคารได้วางกลยุทธ์การพัฒนาช่องทางดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการทางการเงินทั้งในด้านธุรกิจและชีวิตส่วนตัวของลูกค้า ด้วยการใช้นวัตกรรม "เกด" (KADE: K PLUS AI-Driven Experience) ประสบการณ์ใหม่ของบริการทางการเงินแห่งอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) หรือ AI ซึ่งถือเป็นก้าวกระโดดจากการให้บริการผ่านช่องทางดิจิทัลที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ไปสู่โลกของบริการทางการเงินอันชาญฉลาดเป็นครั้งแรกของสถาบันการเงินในประเทศไทย โดย "เกด" เรียนรู้รูปแบบการใช้ชีวิต (Lifestyle) ของลูกค้า ทำให้ธนาคารสามารถนำเสนอสินค้าและบริการที่ "ถูกที่ ถูกเวลา" เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละรายทั้งลูกค้ารายย่อยและลูกค้าผู้ประกอบการ และเป็นการสร้างวงจรทางการเงินเต็มรูปแบบและครบวงจร และนำประเทศไทยไปสู่สังคมไร้เงินสด