นายพิรัฐ เย็นสุดใจ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานพัฒนาการลงทุน บมจ.ทีวี ธันเดอร์ (TVT) เปิดเผยว่า บริษัทได้รับความไว้วางใจจาก LINE TV ให้ซื้อลิขสิทธิ์มาจากบริษัท Talpa ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อผลิตรายการใหญ่ของปีอย่าง Dance Dance Dance Thailand
อีกทั้งยังร่วมกับบริษัทชั้นนำจากต่างประเทศนำเอาเทคโนโลยีภาพเสมือนจริง (Augmented Reality) เข้ามาใช้ถ่ายทำในรายการเป็นครั้งแรกของเอเชีย เป็นเทคโนโลยีเดียวกับการถ่ายทอดสดระดับโลกอย่าง การประกาศรางวัลออสการ์ การถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก เป็นต้น โดยเทคโนโลยีนี้จะสามารถจำลองสถานที่หรือฉากต่างๆ เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของรายการได้อย่างเสมือนจริง ซึ่งจะช่วยสร้างมิติใหม่ให้กับแบรนด์ต่างๆ สามารถเข้ามามีส่วนร่วมและปรากฏอยู่บนรายการ มากกว่าแค่โลโก้ทั่วไป แต่เป็นการสร้างแบรนด์ให้ปรากฏโดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงสุด ซึ่งงบลงทุนในครั้งนี้เรียกว่าเทียบเท่ากับรายการ Primetime ในช่องฟรีทีวี
"ปรากฏการณ์สำคัญของทั้งสององค์กรในครั้งนี้ เป็นการร่วมลงทุนเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้ชมรุ่นใหม่ที่ต้องการบริโภคคอนเทนต์ที่มีความน่าสนใจหลากหลายประเภท"นายพิรัฐ กล่าว
ทั้งนี้ ในปี 59 ที่ผ่านมา TVT และ LINE TV ได้ร่วมสร้างรายการ Take Guy Out Thailand รวม 2 ซีซั่น ซึ่งสามารถปลุกกระแสคอนเทนต์ในโลกออนไลน์ได้เป็นอย่างดีตั้งแต่เปิดตัวออกมาครั้งแรก จนล่าสุดได้รับรางวัล LINE TV Top Entertainment ด้วยยอดวิวรวมมากกว่า 105 ล้านวิว และในปี 60 ก็ได้ร่วมกันสร้างปราฏการณ์นำนิยายออนไลน์ชื่อดังมาสร้างเป็นซีรีส์จนมีฐานแฟนคลับจำนวนกว่า 30 ประเทศทั่วโลก คือ Together With Me The Series
ในปีนี้บริษัทและ LINE TV เตรียมสร้างปรากฏการณ์ใหม่ เพื่อสอดรับกับพฤติกรรมผู้ชมที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเตรียมปล่อย 4 ปรากฏการณ์คอนเทนต์ที่สามารถรับชมได้บน LINE TV เท่านั้น โดยรายการแรกที่จะเริ่มออกอากาศคือ รายการ Ghost Town เกมซ่อนผี เริ่มวันอังคารที่ 4 เม.ย.นี้ เวลา 20.00 น. ตามด้วยรายการ Take Guy Out Thailand ซีซั่น 3 ที่จะออกอากาศในช่วงต้นเดือน พ.ค.นี้ ส่วน Together with me the next chapter และ Dance Dance Dance Thailand เตรียมพร้อมออกอากาศในช่วงกลางปีเป็นต้นไป
"พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากการเติบโตของอุตสหกรรมดิจิตอล ซึ่ง ใน 3 ปีที่ผ่านมา สัดส่วนรายได้ออนไลน์ของเราเติบโตเฉลี่ยต่อปีสูงกว่า 120% เรามีผู้ชมคอนเทนต์ของเราผ่านทุกช่องทางออนไลน์มากกว่า 800 ล้านวิว ในปีนี้เราคาดว่าจะมีตัวเลขเติบโตสูงขึ้นกว่า 30% เราพร้อมจะผลิตคอนเทนต์สำหรับผู้ชมในทุกช่องทาง ด้วยประสบการณ์ในธุรกิจคอนเทนต์ของเรามากกว่า 26 ปี เรามั่นใจว่า ทีมงานของเรามีศักยภาพที่พร้อมจะผลิตคอนเทนต์ที่มีความสนุก ครบรส ให้กับผู้ชมได้อย่างแน่นอน"นายพิรัฐ กล่าว
นายกวิน ตั้งอุทัยศักดิ์ ผู้อำนวยการธุรกิจคอนเทนต์ LINE ประเทศไทย กล่าวว่า LINE TV ตั้งเป้าเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์วิดีโออันดับ 1 ของประเทศไทย โดยเน้นกลยุทธ์การสร้างคอนเทนต์คุณภาพ และร่วมมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งและมีความชำนาญในด้านต่างๆ เพื่อพัฒนาบริการให้เข้าถึงกลุ่มผู้ชมที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดย LINE TV และพันธมิตรจะมุ่งมั่นนำเสนอและสร้างสรรค์คอนเทนต์เพื่อตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นการรับชมรายการหรือละครย้อนหลังก่อนใครทาง LINE TV ที่แรก และ Original Content ที่มีบน LINE TV ที่เดียวเท่านั้น
นายพิรัฐ เปิดเผยอีกว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 61 เติบโตราว 25-30% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 433.40 ล้านบาท พร้อมคาดอัตรากำไรสุทธิฟื้นตัวกลับมาที่ 10-11% โดยมีแผนเปิดตัวรายการใหม่ 14-15 รายการ ซึ่งล่าสุดบริษัทมีความร่วมมือกับ LINE TV เพื่อเตรียมเปิดตัว 4 รายการในปีนี้ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวจากปีก่อนเชื่อว่าจะช่วยหนุนธุรกิจได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงบริษัทมีแผนรุกธุรกิจเกมส์มือถือในปีนี้ด้วย
ขณะเดียวกัน บริษัทตั้งงบลงทุนปี 61 ไว้ราว 250-300 ล้านบาท เพื่อรองรับในการขยายธุรกิจและซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์ใหม่ ๆ เพื่อนำมาออกอากาศอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทมีแหล่งเงินทุนจากเงินหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจเพียงพอต่อการลงทุน ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีความจำเป็นต้องกู้สถาบันทางการเงิน
บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อนำคอนเทนต์ไปออกอากาศผ่านช่องทางโทรทัศน์ดิจิทัลอื่น ๆ เพิ่มเติม 1-2 ราย จากปัจจุบันมีการออกอากาศทาง ช่อง 3HD, ช่อง One และช่อง True4U คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปีนี้ อีกทั้งบริษัทมีการเจรจาเพื่อนำคอนเทนต์ออกอากาศในช่องทางออนไลน์เพื่อขยายช่องทางการออกเพิ่มเติมอีก 2 ราย โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนและทยอยประกาศในปีนี้ด้วย
นายพิรัฐ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาและพัฒนาธุรกิจเกมส์บนมือถือผ่านบริษัทย่อย ซึ่งบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 50% โดยเป็นการซื้อลิขสิทธิ์จากต่างประเทศมาปรับปรุงและพัฒนาต่อยอด ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะมีการเปิดตัว 2 เกมส์ในเดือน พ.ค. และ ต.ค. ตามลำดับ โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้ใน 2-3 ปีข้างหน้าจะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท
"เรามองว่าธุรกิจเกมส์จะเป็นธุรกิจใหม่ที่จะเข้ามาขับเคลื่อนรายได้ของบริษัทให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จาก Digital Platform จะปรับตัวขึ้นเป็น 40-50% ใน 2-3 ปีข้างหน้า จากปีนี้คาดว่ามีสัดส่วนรายได้ที่ 25%"นายพิรัฐ กล่าว