(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้อ่อนตัวตามตลาดตปท., จับตามุมมองทิศทางเศรษฐกิจจากกนง.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 28, 2018 09:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยเช้านี้น่าจะย่อตัวลงตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ที่ร่วงลงเมื่อคืนนี้ จากแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากมีรายงานว่าคณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FTC) กำลังเดินหน้าสอบสวนเฟซบุ๊ก ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงเล็กน้อย

อย่างไรก็ตามมองว่าการอ่อนตัวของดัชนีจะไม่มากนัก เนื่องจากยังคงมีเม็ดเงินจากภายในประเทศเข้ามาลงทุนในตลาดต่อเนื่อง รวมถึงยังอาจมีการทำ Window Dressing ในหุ้นบางกลุ่ม ตลอดจนนักลงทุนยังจับตาการประชุมกนง.ในวันนี้ แม้ตลาดจะคาดการณ์ว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับเดิม แต่ก็ยังรอดูมุมมองด้านเศรษฐกิจในประเทศจากกนง.ว่าจะส่งสัญญาณต่อการปรับตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) หรือไม่ เพราะยังมีมุมมองบวกต่อภาคการส่งออกและท่องเที่ยว ขณะที่ยังต้องรอติดตามการลงทุน ,ความมั่นใจ ,การบริโภคของภาคเอกชนด้วย ทำให้นักลงทุนน่าจะยังเป็นลักษณะของการตั้งรับมากกว่าการไล่ราคาหุ้น

พร้อมให้แนวรับ 1,793 และ 1,787 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,810-1,813 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (27 มี.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,857.71 จุด ลดลง 344.89 จุด (-1.43%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,612.62 จุด ลดลง 45.93 จุด (-1.73%) ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,008.81 จุด ลดลง 211.74 จุด (-2.93%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 424.27 จุด, ดัชนี SSE Composite
ตลาดหุ้นจีน ลดลง 36.08 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 280.45 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 46.82
จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 26.12 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 15.25 จุด, ดัชนี
FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 3.92 จุด , ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 30.68 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (27 มี.ค.61) 1,802.58 จุด เพิ่มขึ้น 1.48 จุด (+0.08%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 54.76 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 มี.ค.61
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (27 มี.ค.61) ปิดที่ระดับ 65.25
ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 30 เซนต์ หรือ 0.5%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (27 มี.ค.61) ที่ 7.31 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.19 ตลาดคาดกนง.วันนี้คงดอกเบี้ย มองแกว่งในกรอบ 31.15-31.25
  • ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. จับตาผลกระทบที่อาจจะมีต่อการส่งออกของไทยให้ชะลอตัวลง เพราะต้องยอมรับปัญหาการค้าโลกที่มีอาจมีผลทางจิตวิทยาให้ประเทศคู่ค้าลังเลการสั่งซื้อสินค้ากับประเทศเดิมๆ ได้
  • ก.ล.ต.ปรับปรุงเกณฑ์เกี่ยวกับการออกและเสนอขายตราสารหนี้ การทำหน้าที่ของตัวกลาง และวิธีการจัดทำสรุปข้อมูลสำคัญของตราสาร (แบบ factsheet) เพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับความคุ้มครองมากขึ้น รวมทั้งข้อมูลที่สำคัญประกอบการตัดสินใจลงทุน ในขณะที่ผู้ออกตราสารหนี้จะมีความสะดวกและความคล่องตัวในการระดมทุนมากยิ่งขึ้น เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.61
  • ประธานจัดงาน บางกอกอินเตอร์เนชั่นแนลมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 39 เปิดเผยว่า ตั้งเป้ายอดจำหน่ายรถยนต์ภายในงานมอเตอร์โชว์ 40,000 คัน เพิ่มขึ้นจากการจัดงานในปีที่ผ่านมาที่มียอดจำหน่ายเกือบ 37,000 คัน จากการที่ทุกค่ายรถยนต์มั่นใจในกำลังซื้อ และต่างปรับเป้ายอดจำหน่ายในงานเพิ่มขึ้น รวมทั้งบริษัทไฟแนนซ์ เริ่มกลับมากระตุ้นสินเชื่อผ่านการจัดโปรโมชั่นต่างๆ
  • กบง.พิจารณาเรื่องการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิงหน้าโรงกลั่นและราคาขายปลีก โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ไปศึกษาข้อมูลและจัดทำรายละเอียดเพิ่มแล้วนำกลับเข้าสู่การพิจารณาของ กบง.อีกครั้งวันที่ 5 เม.ย.นี้ ก่อนประกาศใช้สูตรราคาใหม่ ด้านรมว.พลังงาน เบรกรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนใหม่ออกไปอีก 5 ปีเว้นราคาเท่าหรือต่ำกว่าที่ กฟผ.ขายส่ง 2.40 บาทต่อหน่วย พร้อมซื้อแน่เพื่อลดภาระประชาชนเหตุที่ผ่านมาอุดหนุนทำค่าไฟพุ่ง
  • ครม.ได้เห็นชอบร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การประกอบสินทรัพย์ดิจิทัลตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามขั้นตอนก่อนดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อมีผลบังคับใช้ตามกฎหมายต่อไป
  • คสช.ติดเบรก ม.44 อุ้มทีวีดิจิทัล-มือถือ หลัง "วิษณุ-ฐากร" ชี้แจงเหตุผลด้วยวาจา นายกฯ ให้เวลา 1 สัปดาห์ ทำเอกสารมาชี้แจงใหม่พร้อมตอบข้อข้องใจไม่ได้เอื้อเอกชน ด้านคณะทำงานยันหากบังคับ 2 ค่ายสื่อสารจ่ายค่าธรรมเนียมทั้งก้อนแม้รัฐได้ค่าต๋งแต่หวั่นกระทบประมูลคลื่น 5 จีใหม่ หลัง 2 ค่ายใช้เงินหมดหน้าตักจนเมินประมูลคลื่นใหม่
  • ครม.เห็นชอบการกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินงานโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่ตามโครงการไทยนิยมยั่งยืน หรือโครงการหมู่บ้านและชุมชนละ 200,000 บาท เวลาดำเนินการ 120 วัน ช่วงเดือน เม.ย.-ก.ค.2561 พื้นที่เป้าหมาย 82,371 หมู่บ้าน รวมวงเงิน 16,474 ล้านบาท
  • ครม.อนุมัติโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินในรูปแบบการลงทุนภาครัฐร่วมเอกชนหรือ PPP Net Cost ระยะทาง 220 กิโลเมตร (กม.) ซึ่งเป็นโครงการที่จะทำให้ภาพลักษณ์ของโครงการอีอีซี เป็นรูปธรรมมากขึ้น

*หุ้นเด่นวันนี้

  • SIMAT (บัวหลวง) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 5 บาท โดยมองการเข้าซื้อกิจการ บริษัท ฮินชิซึ (ประเทศไทย) จำกัด (ฮินชิซึ) ซึ่งประกอบธุรกิจ Silk Screen Printing ที่เป็นแผงวงจรสำหรับเครื่องใช้ไฟฟา โดยเข้าซื้อหุ้นสามัญจากผู้ถือหุ้นเดิม และหุ้นสามัญเพิ่มทุนรวม 70% มูลค่ารวมไม่เกิน 280 ล้านบาท คาดรายการจะเสร็จสิ้นในปลาย 2Q61 สำหรับ Synergy ที่จะเกิดนั้นคาดบริษัทสามารถต่อยอดธุรกิจ SIMAT Label ได้ ซึ่งธุรกิจ Silk Screen Printing จะสามารถช่วยให้บริษัท ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขยายการเติบโตทางธุรกิจ รวมถึงขยายกลุ่มลูกค้าให้หลากหลายขึ้น ซึ่งจากดีลนี้ทำให้ปรับประมาณการกำไรปี 61-62 ขึ้น 100% และ 70% ตามลำดับ เป็นกำไร 50 และ 68 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตของกำไรหลักเฉลี่ย 128% ต่อปี (CAGR 2560-2562)
  • SEAFCO (ฟินันเซีย ไซรัส) มีมุมมองบวกกับผลประกอบการที่โตสดใสในปีนี้ และดีต่อเนื่องในปีหน้า จากการรับรู้งานในมือ ณ สิ้นปีก่อนที่ 2.55 พันล้านบาท (ยังไม่รวม One Bangkok ที่เพิ่งได้รับราว 1.2 พันล้านบาท) โดยเป็นสัดส่วนของงานที่รับเฉพาะค่าจ้างซึ่งมาร์จิ้นสูงอยู่กว่า 87% แม้แนวโน้มกำไร 1Q61 จะยังไม่โดดเด่นจากการส่งมอบพื้นที่ล่าช้าของรถไฟฟ้าสีส้ม และรับรู้งานก่อสร้างหลักไม่เต็มที่ แต่ทิศทางของรายได้และกำไรจะเติบโตอย่างมีนัยตั้งแต่ 2Q61 เป็นต้นไป จากการเริ่มงานก่อสร้างหลายโครงการใหญ่พร้อมกัน ทั้งรถไฟฟ้าสีส้ม, สีชมพู และ One Bangkok โดยยังคงคาดกำไรปกติปีนี้ทำ Record High โต 88% Y-Y และคงราคาเหมาะสม 10.10 บาท แต่เพิ่มคำแนะนำจาก "ถือ" เป็น "ซื้อ" จาก Upside ที่กว้างขึ้น โดยราคาหุ้นปัจจุบันเทรดบน PE2561 ที่ 18.8 เท่า ต่ำกว่าคู่แข่งอย่าง PYLON ที่ 23 เท่า และกลุ่มรับเหมาที่ 20 เท่า
  • ADVANC (เอเซีย พลัส) แนะ"ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 230 บาท โดยคาดกำไร ADVANC งวด 1Q61 อยู่ที่ 7.7 พันล้านบาท เติบโต 5.8% yoy หนุนจากรายได้ค่าบริการ (ไม่รวม IC) เติบโต 4.7% yoy โดยลูกค้าเติมเงินที่คาดลดลง จะชดเชยได้จากรายได้ค่าบริการต่อเลขหมาย (ARPU) ที่เพิ่มขึ้น บวกกับ การเติบโตรายได้ธุรกิจอินเทอร์เน็ต ขณะที่ต้นทุนดำเนินงาน (ต้นทุนบริการ+ค่าใช้จ่ายขายบริหาร) คาดเพิ่มขึ้นน้อยกว่ารายได้ จากประโยชน์ต้นทุนส่วนแบ่งรายได้ที่กสทช. ปรับลงเหลือ 3.85% จาก 5.25% และการควบคุมต้นทุนโครงข่าย, ค่าใช้จ่ายบริหารทรงตัว ชดเชยค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มจากการลงทุนที่ยังสูงระหว่างปีก่อน ซึ่งเป็นรอบลงทุนใหญ่ท้ายๆของ 4G ทั้งนี้ เชื่อว่ากำไรช่วงที่เหลือของปีจะดีขึ้น จากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นช้าลง หลังผ่านรอบลงทุนใหญ่ 4G และการบริหารต้นทุนอื่น ขณะที่รายได้เชื่อว่าจะขับเคลื่อนจากทุกธุรกิจ โดยรวมคงคาดการณ์กำไรปี 2561-62 เติบโต 5.6% และ 4.2%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ