นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยเช้านี้น่าจะย่อตัวลงตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ที่ร่วงลงเมื่อคืนนี้ จากแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากมีรายงานว่าคณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FTC) กำลังเดินหน้าสอบสวนเฟซบุ๊ก ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามมองว่าการอ่อนตัวของดัชนีจะไม่มากนัก เนื่องจากยังคงมีเม็ดเงินจากภายในประเทศเข้ามาลงทุนในตลาดต่อเนื่อง รวมถึงยังอาจมีการทำ Window Dressing ในหุ้นบางกลุ่ม ตลอดจนนักลงทุนยังจับตาการประชุมกนง.ในวันนี้ แม้ตลาดจะคาดการณ์ว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับเดิม แต่ก็ยังรอดูมุมมองด้านเศรษฐกิจในประเทศจากกนง.ว่าจะส่งสัญญาณต่อการปรับตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) หรือไม่ เพราะยังมีมุมมองบวกต่อภาคการส่งออกและท่องเที่ยว ขณะที่ยังต้องรอติดตามการลงทุน ,ความมั่นใจ ,การบริโภคของภาคเอกชนด้วย ทำให้นักลงทุนน่าจะยังเป็นลักษณะของการตั้งรับมากกว่าการไล่ราคาหุ้น
พร้อมให้แนวรับ 1,793 และ 1,787 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,810-1,813 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (27 มี.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,857.71 จุด ลดลง 344.89 จุด (-1.43%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,612.62 จุด ลดลง 45.93 จุด (-1.73%) ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,008.81 จุด ลดลง 211.74 จุด (-2.93%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 424.27 จุด, ดัชนี SSE Composite
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (27 มี.ค.61) 1,802.58 จุด เพิ่มขึ้น 1.48 จุด (+0.08%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 54.76 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 มี.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (27 มี.ค.61) ปิดที่ระดับ 65.25
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (27 มี.ค.61) ที่ 7.31 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.19 ตลาดคาดกนง.วันนี้คงดอกเบี้ย มองแกว่งในกรอบ 31.15-31.25
- ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. จับตาผลกระทบที่อาจจะมีต่อการส่งออกของไทยให้ชะลอตัวลง เพราะต้องยอมรับปัญหาการค้าโลกที่มีอาจมีผลทางจิตวิทยาให้ประเทศคู่ค้าลังเลการสั่งซื้อสินค้ากับประเทศเดิมๆ ได้
- ก.ล.ต.ปรับปรุงเกณฑ์เกี่ยวกับการออกและเสนอขายตราสารหนี้ การทำหน้าที่ของตัวกลาง และวิธีการจัดทำสรุปข้อมูลสำคัญของตราสาร (แบบ factsheet) เพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับความคุ้มครองมากขึ้น รวมทั้งข้อมูลที่สำคัญประกอบการตัดสินใจลงทุน ในขณะที่ผู้ออกตราสารหนี้จะมีความสะดวกและความคล่องตัวในการระดมทุนมากยิ่งขึ้น เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.61
- ประธานจัดงาน บางกอกอินเตอร์เนชั่นแนลมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 39 เปิดเผยว่า ตั้งเป้ายอดจำหน่ายรถยนต์ภายในงานมอเตอร์โชว์ 40,000 คัน เพิ่มขึ้นจากการจัดงานในปีที่ผ่านมาที่มียอดจำหน่ายเกือบ 37,000 คัน จากการที่ทุกค่ายรถยนต์มั่นใจในกำลังซื้อ และต่างปรับเป้ายอดจำหน่ายในงานเพิ่มขึ้น รวมทั้งบริษัทไฟแนนซ์ เริ่มกลับมากระตุ้นสินเชื่อผ่านการจัดโปรโมชั่นต่างๆ
- กบง.พิจารณาเรื่องการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิงหน้าโรงกลั่นและราคาขายปลีก โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ไปศึกษาข้อมูลและจัดทำรายละเอียดเพิ่มแล้วนำกลับเข้าสู่การพิจารณาของ กบง.อีกครั้งวันที่ 5 เม.ย.นี้ ก่อนประกาศใช้สูตรราคาใหม่ ด้านรมว.พลังงาน เบรกรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนใหม่ออกไปอีก 5 ปีเว้นราคาเท่าหรือต่ำกว่าที่ กฟผ.ขายส่ง 2.40 บาทต่อหน่วย พร้อมซื้อแน่เพื่อลดภาระประชาชนเหตุที่ผ่านมาอุดหนุนทำค่าไฟพุ่ง
- ครม.ได้เห็นชอบร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การประกอบสินทรัพย์ดิจิทัลตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามขั้นตอนก่อนดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อมีผลบังคับใช้ตามกฎหมายต่อไป
- คสช.ติดเบรก ม.44 อุ้มทีวีดิจิทัล-มือถือ หลัง "วิษณุ-ฐากร" ชี้แจงเหตุผลด้วยวาจา นายกฯ ให้เวลา 1 สัปดาห์ ทำเอกสารมาชี้แจงใหม่พร้อมตอบข้อข้องใจไม่ได้เอื้อเอกชน ด้านคณะทำงานยันหากบังคับ 2 ค่ายสื่อสารจ่ายค่าธรรมเนียมทั้งก้อนแม้รัฐได้ค่าต๋งแต่หวั่นกระทบประมูลคลื่น 5 จีใหม่ หลัง 2 ค่ายใช้เงินหมดหน้าตักจนเมินประมูลคลื่นใหม่
- ครม.เห็นชอบการกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินงานโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่ตามโครงการไทยนิยมยั่งยืน หรือโครงการหมู่บ้านและชุมชนละ 200,000 บาท เวลาดำเนินการ 120 วัน ช่วงเดือน เม.ย.-ก.ค.2561 พื้นที่เป้าหมาย 82,371 หมู่บ้าน รวมวงเงิน 16,474 ล้านบาท
- ครม.อนุมัติโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินในรูปแบบการลงทุนภาครัฐร่วมเอกชนหรือ PPP Net Cost ระยะทาง 220 กิโลเมตร (กม.) ซึ่งเป็นโครงการที่จะทำให้ภาพลักษณ์ของโครงการอีอีซี เป็นรูปธรรมมากขึ้น
*หุ้นเด่นวันนี้
- SIMAT (บัวหลวง) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 5 บาท โดยมองการเข้าซื้อกิจการ บริษัท ฮินชิซึ (ประเทศไทย) จำกัด (ฮินชิซึ) ซึ่งประกอบธุรกิจ Silk Screen Printing ที่เป็นแผงวงจรสำหรับเครื่องใช้ไฟฟา โดยเข้าซื้อหุ้นสามัญจากผู้ถือหุ้นเดิม และหุ้นสามัญเพิ่มทุนรวม 70% มูลค่ารวมไม่เกิน 280 ล้านบาท คาดรายการจะเสร็จสิ้นในปลาย 2Q61 สำหรับ Synergy ที่จะเกิดนั้นคาดบริษัทสามารถต่อยอดธุรกิจ SIMAT Label ได้ ซึ่งธุรกิจ Silk Screen Printing จะสามารถช่วยให้บริษัท ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขยายการเติบโตทางธุรกิจ รวมถึงขยายกลุ่มลูกค้าให้หลากหลายขึ้น ซึ่งจากดีลนี้ทำให้ปรับประมาณการกำไรปี 61-62 ขึ้น 100% และ 70% ตามลำดับ เป็นกำไร 50 และ 68 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตของกำไรหลักเฉลี่ย 128% ต่อปี (CAGR 2560-2562)
- SEAFCO (ฟินันเซีย ไซรัส) มีมุมมองบวกกับผลประกอบการที่โตสดใสในปีนี้ และดีต่อเนื่องในปีหน้า จากการรับรู้งานในมือ ณ สิ้นปีก่อนที่ 2.55 พันล้านบาท (ยังไม่รวม One Bangkok ที่เพิ่งได้รับราว 1.2 พันล้านบาท) โดยเป็นสัดส่วนของงานที่รับเฉพาะค่าจ้างซึ่งมาร์จิ้นสูงอยู่กว่า 87% แม้แนวโน้มกำไร 1Q61 จะยังไม่โดดเด่นจากการส่งมอบพื้นที่ล่าช้าของรถไฟฟ้าสีส้ม และรับรู้งานก่อสร้างหลักไม่เต็มที่ แต่ทิศทางของรายได้และกำไรจะเติบโตอย่างมีนัยตั้งแต่ 2Q61 เป็นต้นไป จากการเริ่มงานก่อสร้างหลายโครงการใหญ่พร้อมกัน ทั้งรถไฟฟ้าสีส้ม, สีชมพู และ One Bangkok โดยยังคงคาดกำไรปกติปีนี้ทำ Record High โต 88% Y-Y และคงราคาเหมาะสม 10.10 บาท แต่เพิ่มคำแนะนำจาก "ถือ" เป็น "ซื้อ" จาก Upside ที่กว้างขึ้น โดยราคาหุ้นปัจจุบันเทรดบน PE2561 ที่ 18.8 เท่า ต่ำกว่าคู่แข่งอย่าง PYLON ที่ 23 เท่า และกลุ่มรับเหมาที่ 20 เท่า
- ADVANC (เอเซีย พลัส) แนะ"ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 230 บาท โดยคาดกำไร ADVANC งวด 1Q61 อยู่ที่ 7.7 พันล้านบาท เติบโต 5.8% yoy หนุนจากรายได้ค่าบริการ (ไม่รวม IC) เติบโต 4.7% yoy โดยลูกค้าเติมเงินที่คาดลดลง จะชดเชยได้จากรายได้ค่าบริการต่อเลขหมาย (ARPU) ที่เพิ่มขึ้น บวกกับ การเติบโตรายได้ธุรกิจอินเทอร์เน็ต ขณะที่ต้นทุนดำเนินงาน (ต้นทุนบริการ+ค่าใช้จ่ายขายบริหาร) คาดเพิ่มขึ้นน้อยกว่ารายได้ จากประโยชน์ต้นทุนส่วนแบ่งรายได้ที่กสทช. ปรับลงเหลือ 3.85% จาก 5.25% และการควบคุมต้นทุนโครงข่าย, ค่าใช้จ่ายบริหารทรงตัว ชดเชยค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มจากการลงทุนที่ยังสูงระหว่างปีก่อน ซึ่งเป็นรอบลงทุนใหญ่ท้ายๆของ 4G ทั้งนี้ เชื่อว่ากำไรช่วงที่เหลือของปีจะดีขึ้น จากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นช้าลง หลังผ่านรอบลงทุนใหญ่ 4G และการบริหารต้นทุนอื่น ขณะที่รายได้เชื่อว่าจะขับเคลื่อนจากทุกธุรกิจ โดยรวมคงคาดการณ์กำไรปี 2561-62 เติบโต 5.6% และ 4.2%