บมจ.สหพัฒนพิบูล (SPC) คาดว่าในปี 61 จะมียอดขาย 34,240 ล้านบาท เติบโต 9% จากปีก่อน 31,360 ล้านบาท ส่วนกำไรในปีนี้คาดว่าจะสูงขึ้นมาที่ 2,000 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทคาดการณ์ว่าทิศทางเศรษฐกิจของประเทศไทยมีแนวโน้มดีขึ้น อีกทั้งนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลจะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายของประชาชน อาทิ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมทั้งสถานการณ์การซื้อสินค้าออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น
"ตอนนี้กำลังซื้อมีสถานการณ์ดีขึ้นกว่าปี 60 จากนโยบายรัฐบาลที่ให้เงินประชุชนได้จับจ่ายใช้สอยและกลับมาหมุนเวียในระบบ ทำให้มีอารมณ์ซื้อขาย ถุ้ามีเงินแต่ไม่มีอารมณ์ซื้อก็ไม่ได้ ดูแล้วภาพรวมปีนี้น่าจะดีขึ้นกว่าปีก่อน" นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ SPC
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมลงทุนคลังสินค้าขนาดใหญ่พื้นที่ 50,000 ตร.ม.หรือใช้เนื้อที่ประมาณ 50 ไร่ บริเวณศรีราชา คาดใช้งบลงทุนกว่า 1 พันล้านบาท โดยปัจจุบันสหพัฒน์มีคลังสินค้า 5-6 แห่ง ได้แก่ ศรีราชา ,เชียงใหม่ , ขอนแก่น, นครราชสีมา, ร่มเกล้า เป็นต้น
นายเวทิต โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ SPC กล่าวว่า ในปีนี้ยอดขายสินค้า"มาม่า"คาดว่าจะเติบโต 8% มาที่ 1.5 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนมียอดขาย 1.03 หมื่นล้านบาท ขณะที่ตลาดรวมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปคาดเติบโต 3% โดยสินค้า"มาม่า"มีสัดส่วนกว่า 30% ของยอดขาย SPC
กลยุทธ์การตลาดในปีนี้บริษัทจะให้ความสำคัญกับการจับมือกับคู่ค้าใหม่ในด้านการจำหน่ายสินค้า ได้แก่ วินามิลค์ (VINAMILK) แบรนด์โยเกิร์ตอันดับ 1 จากเวียดนามที่มอบหมายให้สหพัฒน์เป็นผู้จัดจำหน่ายรายเดียวในประเทศไทยในทุกช่องทาง จะเป็นสินค้าใหม่เข้ามาทดลองขายในเดือน มี.ค.นี้ นางผาสุก รักษาวงศ์ รองประธานกรรมการบริหารกล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายสินค้าแบรนด์ วินามิลค์จำนวน 60 ล้านบาทในปีนี้ และวางแผนที่จะขยายกำลังการผลิตโยเกิร์ต นมเปรี้ยว และนมข้นหวานในประเทศไทย โดยเบื้องต้นสหพัฒน์จะรับจ้างผลิต ซึ่งได้เตรียมพื่นที่โรงงานไว้แล้ว
และสินค้าใหม่จากคู่ค้าใหม่อีกรายคือ ดอร์โก้ (DORCO) แบรนด์มีดโกนยักษ์ใหญ่จากเกาหลีที่มีการเติบโตในตลาดต่างประเทศและส่งออกไปมากกว่า 150 ประเทศทั่วโลก คาดว่าจะลงนามสัญญากันและเริ่มวางขายในไตรมาส 2/61
นอกจากนี้ ยังมีสินค้าใหม่จากคู่ค้าเดิม ได้แก่ ริชเชส ผลิตภัณฑ์นมเปรี้ยว โยเกิร์ต เยลลี่ ซึ่งปรับโฉมบรรจุภัณฑ์ใหม่ จะมีภาพยนตร์โฆษณาใหม่ออนแอร์เดือน พ.ค.นี้ และสินค้าซื่อสัตย์ออกบะหมี่แนวใหม่ "ซื่อสัตย์ สึนามิ มิลค์ ซีฟู้ด คาดออกวางตลาดในเดือน เม.ย.นี้ และยังสินค้าใหม่จากไลอ้อนจากผลิตภัณฑ์หมวด Oral Care อาทิ ไหมคัดฟัน ยาสีฟัน แปรงสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก ภายใต้แบรนด์ KODOMO, SYSTEMA, SALZ, GOOD AGE, ZACT และผ้าอนามัยเอลิส และทิชชูเปียกเอลิแอล
นอกจากนี้ มาม่าโอเค บะหมี่แห้งสไตล์เกาหลี (hot Korean) จุดเด่นที่รสชาติเผ็ดร้อน เส้นบะหมี่หนานุ่มแบบบะหมี่เกาหลีที่ได้รับความนิยมในกลุ่มวัยรุ่น ถือเป็นกลุ่มสินค้ามาม่าพรีเมี่ยมตั้งเป้ายอดขายที่ 200 ล้านบาท
บริษัทยังมีกลยุทธ์การเสริมความสัมพันธ์กับ Strategic Partners อย่างเข้มแข็งผ่านโครงการคู่ค้าพันธมิตรโดยปัจจุบัน มีร้านค้าพันธมิตรในส่วนอาหาร ได้แก่ มาม่า ประมาณ 100 ราย และในส่วนไม่ใช่อาหาร อาทิ ผงซักฟอกเปา มีจำนวนประมาณ 100 ราย ซึ่งเป็นร้านค้าที่ร่วมวางแผนการซื้อขายในหลักการเดียวกับโมเดิร์นเทรด โดยแต่ละร้านค้าจะไม่ทับพื้นที่กัน และให้จำหน่ายสินค้าในราคาที่บริษัทกำหนดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการตัดราคาเหมือนที่เคยเป็นมา ซึ่งในปีที่แล้วได้เริ่มระบบนี้ช่วยให้ร้านค้าที่เข้าร่วมเป็นพันธมิตรขายสินค้าได้มาร์จิ้นดีขึ้น ขณะที่สหพัฒน์ มียอดสั่งซื้อสม่ำเสมอ และการผลิตก็เพิ่มตามยอดสั่งซื้อ รวมทั้งสามารถลดต้นทุนการขนส่งโลจิสติกส์ได้มากซึ่งปีก่อนช่วยลดค่าใช้จ่ายการขนส่งได้ถึง 86 ล้านบาท
"ที่ผ่านมามีปัญหาการตัดราคากันมาก เรื่องนี้เราก็ได้แก้ปัญหาทำให้ราคานิ่งได้ สินค้าซื้อขายได้ดี เรา control รายย่อยได้ ร้านที่พันธมิตรกับราคา จะไม่ขายข้ามเขต ซึ่งโซนนิ่งทำแบบหลวมๆ โดยดูทั้งด้านภูมิศาสตร์ และ Relationship..ในปีนี้พันธมิตรเดิมเราก็จะโตไปกับเขา หากจะเพิ่มร้านค้าพันธมิตรได้ ถ้าพื้นที่เปลี่ยน รานค้าเปลี่ยน มีชุมชนใหม่ ซึ่งยังมีร้านค้ามีศักยภาพ"นายเวทิต กล่าว
รวมทั้งเน้นการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ให้ความสำคัญทั้งช่องทาง B2B ที่จำหน่ายให้ร้านค้าย่อยที่คาดว่าปีนี้โตเท่าตัวเป็น 40 ล้านบาทจาก 20 ล้านบาทในปีก่อน และเพิ่มจำนวนร้านค้าเป็น 2,000 ร้าน จากปีก่อนมี 50 ร้าน รวมทั้งช่องทาง B2C ผู้บริโภคสามารถสั่งซื้อตามช่องทางออนไลน์ทั้งเว็บไซด์ของสหพัฒน์แล้ว ก็ยังผ่าน Lazada , Tesco lotus, Bigc, Tops, JD รวมทั้ง Call center