โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้นบมจ.ฐิติกร (TK) หลังมองกำไรปีนี้มีแนวโน้มเติบโตจากปีก่อน จากแนวโน้มของสินเชื่อที่ยังขยายตัวได้ในระดับที่ดี หลังมองยอดขายรถจักรยานยนต์ในประเทศปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโตราว 3% ตามภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่เริ่มฟื้นตัว ประกอบกับยังมีปัจจัยหนุนจากการปล่อยสินเชื่อในประเทศกัมพูชาและลาวที่มีการเติบโตระดับสูงด้วย
ด้านการตั้งสำรองของ TK อาจจะไม่ได้รับผลกระทบมากจากมาตรฐานบัญชีไหม่ IFRS9 เนื่องจากมีการตั้งสำรองในระดับสูงอยู่แล้ว โดยมีอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ที่ 122% ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อกำไรอย่างมีนัยสำคัญ
ราคาหุ้น TK อยู่ที่ 13.90 บาท ลดลง 0.20 บาท (-1.42%) เมื่อเวลา 15.36 น. ขณะที่ SET ปรับลง -0.65%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) บัวหลวง ซื้อ 20.00 เอเซีย พลัส ซื้อ 19.60 เคทีบี (ประเทศไทย) ซื้อ 18.00 เอเชีย เวลท์ ซื้อ 17.00 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 16.70
นักวิเคระห์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ได้ปรับประมาณการการขยายตัวสินเชื่อของ TK ในปี 61 เพิ่มเป็นเติบโต 8% จากเดิมคาดโต 5% หลังจากที่แนวโน้มความต้องการสินเชื่อในประเทศและต่างประเทศมีการความต้องการเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในลาวและกัมพูชา ซึ่งจะเป็นแรงหนุนให้การขยายตัวของสินเชื่อเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ แม้ว่าจะเป็นประมาณการที่ต่ำกว่า TK ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะเติบโต 10% ก็ตาม
นอกจากนี้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) คาดว่าจะอยู่ที่ระดับใกล้เคียงปีก่อนที่ 34.5% แต่การสินเชื่อขยายตัวได้เพิ่มขึ้นมีผลต่อภาพรวมของผลการดำเนินงานที่จะออกมาดีในปี 61 ทำให้ปรับประมาณการกำไรสุทธิของ TK ในปีนี้เพิ่มขึ้นอีก 4% มาอยู่ที่ 540 ล้านบาท และปรับราคาเป้าหมายเพิ่มเป็น 20 บาท/หุ้น จากเดิมให้ไว้ 19.20 บาท/หุ้น ส่วนในเรื่องของมาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS9 มองว่าจะไม่เป็นปัจจัยกดดันต่อกำไรเพราะมี Coverage ratio ในระดับสูงถึง 122%
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า จากปัจจัยหนุนของการเติบโตของสินเชื่อในประเทศกัมพูชาและลาว ที่ TK ได้ขยายธุรกิจออกไปนั้น แม้ว่าจะมีสัดส่วนรายได้ไม่มากหรือคิดเป็น 4% ของรายได้รวม แต่ก็มีแนวโน้มที่เติบโตได้อย่างก้าวกระโดดในอนาคต ขณะเดียวกันสินเชี่อที่ปล่อยในประเทศกัมพูชาและลาวให้อัตราผลตอบแทนที่ดีกว่าสินเชื่อในประเทศ ซึ่งผลตอบแทนของสินเชื่อในประเทศมีโอกาสที่จะได้รับผลกระทบจากเกณฑ์การควบคุมต่าง ๆ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีออกมาซึ่งคาดว่าจะบังคับใช้ในช่วงครึ่งปีหลัง
ขณะที่แนวโน้มการขยายตัวของสินเชื่อในปี 61 ยังคาดว่าขยายได้ 21% สูงกว่าปีก่อนที่ขยายตัว 16% แม้ว่ายอดขายรถจักรยานยนต์ในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมาจะลดลง 3.3% แต่จะกลับมาฟื้นตัวในเดือน มี.ค. และคาดว่าปีนี้ยอดขายรถจักยานยนต์จะขยายตัวอยู่ที่ 3%
ส่วนการควบคุมดูแลคุณภาพสินเชื่อของ TK ยังคงเข้มงวดเพิ่มขึ้น เพื่อลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่สูงขึ้นในปีที่ผ่านมาให้ทรงตัวในระดับ 4.1% แต่ TK ก็จะมีการตั้งสำรองเพื่อรองรับ IFRS9 และส่งผลให้มี Coverage Ratio ระยะยาวอยู่ที่ 135% ซึ่งมีความเสี่ยงกระทบต่อกำไรของ TK แต่ในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นของ TK ได้ปรับตัวลดลง ทำให้ยังเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน เพื่อรอการเติบโตของธุรกิจในอนาคต โดยมีกลุ่มประเทศ CLMV ทั้งกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนามเป็นตัวหนุน
นักวิเคราะห์ บล.เอเชีย เวลท์ กล่าวว่า แนวโน้มของเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวขึ้น และการประเมินยอดขายรถจักรยานยนต์ในประเทศปีนี้ที่คาดจะขยายตัว 3% เป็น 1.87 ล้านคัน ก็จะเป็นปัจจัยที่หนุนการขยายตัวของสินเชื่อในประเทศของ TK ส่วนสินเชื่อในลาวและกัมพูชาก็ยังคงมีการเติบโตในระดับสูง จากความต้องการสินเชื่อที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการขยายสาขาเพื่อให้เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น ซึ่งปีนี้ประเมินว่าสินเชื่อของ TK จะเติบโต 10%
ด้านการตั้งสำรองฯมองว่า TK ไม่ไดั้รับผลกระทบจากมาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS9 เพราะในปีก่อนมีการตั้งสำรองฯซึ่งมี Coverage ratio ที่สูง 122% ส่วนกฏเกณฑ์ต่าง ๆ ที่จะออกมาเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลภาระหนี้แก่ลูกค้า ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อTK โดยยังคงประมาณการกำไรสุทธิของ TK เติบโต 13.6% จากปีก่อน หรือมาอยู่ที่ 530 ล้านบาท