นายบวร วงศ์สินอุดม กรรมการผู้จัดการ บมจ.น้ำมันพืชไทย (TVO) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่ารายได้ปีนี้จะสูงกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 24,568 ล้านบาท และอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวดีขึ้นด้วย ตามความต้องการกากถั่วเหลืองจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และราคากากถั่วเหลืองมีแนวโน้มขาขึ้น ขณะที่ต้นทุนนำเข้ากากถั่วเหลืองจากอาร์เจนตินาสูงขึ้นจากปัญหาภัยแล้ง ทำให้บริษัทมีโอกาสการขายในประเทศค่อนข้างมาก ประกอบกับการที่บริษัทมีการนำเข้าวัตถุดิบถั่วเหลืองถึง 90% ทำให้ได้รับประโยชน์เรื่องต้นทุนที่ลดลงในช่วงที่เงินบาทแข็งค่า
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโตทุกผลิตภัณฑ์ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งบริษัทจะการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีอัตรากำไร (มาร์จิ้น) สูงมาสู่ตลาดช่วงไตรมาส 3/61 อย่างน้อย 1 ราย โดยสัดส่วนรายได้ของบริษัทมาจากกากถั่วเหลือง 63% และน้ำมันถั่วเหลือง 28% ส่งออก 5% บรรจุภัณฑ์ 1% และอื่นๆ 3%
สำหรับแนวโน้มตลาดน้ำมันถั่วเหลือง นายบวร กล่าวว่า ขณะนี้ส่วนต่างน้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมันปาล์มยังแคบ ทำให้น้ำมันถั่วเหลืองยังแข่งขันได้ รวมถึงสต๊อกน้ำมันปาล์มเริ่มลดลงสะท้อนความสามารถในการจำหน่ายได้ดีขึ้น โดยคาดว่าการณ์ปริมาณการใช้กากถั่วเหลืองของไทยในปีนี้จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4.79 ล้านตัน จากปีก่อน 4.67 ล้านตัน สัดส่วนการใช้กากถั่วเหลืองจำแนกการใช้กากตามชนิดปศุสัตว์ จะมาจากการผลิตอาหารไก่เนื้อ 46% สุกร 28% อาหารไก่ไข่ 17% อาหารปลาและกุ้ง 5% อาหารสัตว์ประเภทอื่นๆ 4% ซึ่งความต้องการใช้กากถั่วเหลืองมีแนวโน้มเติบโตตามปริมาณไก่ส่งออก
บริษัทยังได้วางแผนการลงทุนในปีนี้เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตถั่วเหลืองในโรงงานเดิมจาก 6,000 ตันต่อวัน เป็น 6,500 ตันต่อวัน หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 10% คาดว่าภายในเดือน มิ.ย.นี้จะแล้วเสร็จ และเพิ่มกำลังการผลิตโรงบรรจุขวดสำหรับน้ำมันขนาด 1 ลิตร เพื่อรองรับการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ รวมถึงปรับปรุงเครื่องจักรเดิมให้ผลิตสินค้าน้ำมันพืชชนิดใหม่ที่มีมูลค่าสูงด้วย