นายสมชัย สูงสว่าง กรรมการผู้จัดการ บมจ. ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส (FSMART) ผู้ให้บริการ "ตู้เติมเงินออนไลน์บุญเติม" เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ทางบริษัทฯไม่ได้รับผลกระทบทางด้านลบจากกรณีที่ธนาคารพาณิชย์ยกเลิกการเก็บธรรมเนียมธุรรกรรมออนไลน์ เนื่องจากลูกค้าเป็นคนละกลุ่มกัน โดยลูกค้าหลักของบริษัทฯจะเป็นกลุ่มคนรากหญ้าที่ไม่ได้มีบัญชีกับธนาคาร ส่วนใหญ่มักเป็นผู้ที่ได้รับค่าแรงเป็นเงินสดเพื่อใช้จ่ายวันต่อวัน และไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี ซึ่งตู้เติมเงินบุญเติมจะตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้ได้ดี ขณะที่ลูกค้าของธนาคารที่ทำธุรกรรมผ่านออนไลน์ ส่วนเป็นกลุ่มคนทำงานและผู้ที่คุ้นเคยกับการทำธุรกรรมผ่านโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์
อย่างไรก็ตาม อาจมีนักลงทุนหรือนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ตีความกันไปว่าตู้บุญเติมจะได้รับผลกระทบ ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะปัจจุบันยอดการใช้บริการตู้บุญเติมยังมากและเติบโตเป็นปกติ ซึ่งบริษัทฯได้รับการแต่งตั้งจาก KTB และ KBANK ในการให้ความสะดวกลูกค้าที่สามารถนำเงินเข้าบัญชี 2 ธนาคารนี้ได้ผ่านตู้บุญเติม ซึ่งปัจจุบันก็มีการทำรายการโอนเงินราว 28,000 รายการต่อวัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าต่างจังหวัด
ในทางกลับกัน แต่ละตู้บุญเติมจะมีเครดิตอยู่ เมื่อเครดิตใกล้หมดผู้ที่รับผิดชอบตู้นั้น ๆ ต้องนำเงินสดส่งมาให้กับบริษัท ซึ่งโดยปกติบริษัทจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายการโอนผ่านแบงก์ แต่เมื่อแบงก์ไม่คิดค่าธรรมเนียมก็ทำให้ค่าใช่จ่ายในส่วนนี้ลดลงไป เชื่อว่าจะส่งผลให้กำไรเติบโตขึ้น ซึ่งปัจจุบันก็มีการทำรายการ 3-4 แสนรายการต่อเดือน หรือคิดเป็นค่าใช้จ่ายส่วนนี้ราว 3-4 ล้านบาทต่อเดือน
"ขึ้นอยู่ที่เราจะเร่งดำเนินการกับธนาคารได้เร็วแค่ไหน แต่คิดว่าเมื่อแบงก์ไม่เก็บค่าธรรมเนียมแล้วก็จะทำให้บริษัทฯประหยัดค่าใช้จ่ายจากการปรับเครดิตของลูกตู้ คาดว่าจะเริ่มเห็นผลได้ในไตรมาส 2/61"นายสัมชัย กล่าว
ปัจจุบัน FSMART มีตู้บุญเติมอยู่ 130,000 ตู้ โดย 2 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.พ.) ได้มีการเพิ่มตู้บุญเติม 6,000 ตู้ จากสิ้นปี 60 ที่มี 124,000 ตู้ โดยบริษัทฯสามารถครองมาร์เก็ตแชร์ 55% แล้ว ซึ่งการตั้งตู้บุญเติมในปีน้จะให้ความสำคัญกับทำเลที่ตั้ง กำหนดไว้ว่าภายใน 6 เดือนจะต้องทำยอดได้ 15,000 บาทต่อตู้ต่อเดือนจึงจะผ่านเกณฑ์ ดังนั้น ปีนี้บริษัทฯจะไม่เน้นการเพิ่มจำนวนตู้มากเท่าปีก่อน แต่จะเน้นการทำโปรโมชั่นกระตุ้นยอดใช้บริการผ่านตู้ที่มีอยู่แทน
"ในปี 60 เราตั้งตู้บุญเติมเดือนละ 3 พันตู้ บางตู้ก็ไม่ผ่านเกณฑ์ยอดเติมลดลง ดังนั้นในไตรมาส 3/60 จึงได้มีการขอชะลอการขึ้นตู้ เพราะต้องการที่จะจัดการกับตู้ที่มียอดเติมเงินต่ำก่อน ซึ่งก็มีอยู่ประมาณ 2,000 ตู้ โดยจะทำยังไงให้ตู้ที่มีรายได้ต่ำมีสัดส่วนลดลงเรื่อย ๆ ซึ่งก็ได้มีการโยกไปหาทำเลที่ตั้งใหม่"นายสมชัย กล่าว
กรรมการผู้จัดการ FSMART กล่าวว่า สำหรับผลประกอลการของบริษัทฯในไตรมาส 1/61 คาดว่าจะออกมาดีกว่าไตรมาส 4/60 จากการบริหารจัดการย้ายตู้บุญเติมที่มีรายได้ต่ำ และไม่ขึ้นตู้เร็ว ส่วนไตรมาส 2/61 กำไรก็จะดีขึ้นไปอีก จากที่ธนาคารได้ยกเลิกการเก็บค่าธรรมเนียม ซึ่งปีนี้ (2561) บริษัทฯคาดว่าจะรายได้จะเติบโต 15-20% โดยมีเป้าหมายเพิ่มตู้บุญเติมไม่เกิน 20,000 ตู้ และพยายามจะจัดการกับตู้ที่มีปัญหาให้ลดลงเรื่อย ๆ
นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีใช้บริการ Be Wallet ซึ่งเริ่มใช้บริการแล้วในปี 60 มีผู้มาใช้บริการ 20,000 ราย และในปีนี้คาดว่าจะมีลูกค้ามาใช้บริการเพิ่มเป็น 2 แสนราย โดยบริการนี้จะสร้างรายได้ให้กับบริษัทในอนาคตได้ดี เพราะเป็นการใช้บริการที่เพิ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ คือ นักเรียน นักศึกษา
พร้อมกันนี้ บริษัทฯได้ตั้งเป้ากรอบการใช้เงินกู้ปีนี้ไม่เกิน 1.2 พันล้านบาท โดยสัดส่วนหนี้สินที่มีดอกเบี้ยต่อทุน (IBD/E) ปีนี้วางกรอบไม่เกิน 1.5 เท่า จาก ณ สิ้นปี 60 อยู่ที่ 1.13 เท่า
นายสมชัย กล่าวต่อว่า ราคาหุ้น FSMART ในปัจจุบันคิดว่าต่ำไป ซึ่งบริษัทฯอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ที่มีการเทรด P/E สูง แต่หากมองที่ราคาหุ้น FSMART ปัจจุบันเทรด P/E แค่ 15 เท่า ถือว่ายังต่ำ