นางสาววลัยณัฐ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ทีทีดับบลิว (TTW) คาดว่าบริษัทจะสามารถลงนามสัญญาโครงการผลิตน้ำประปาในเมืองเมาะลำไย รัฐมอญ กับทางการของเมียนมา ในช่วงไตรมาส 2/61 กำลังการผลิต 40,000 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) /วัน ครอบคลุม 12 เขตเมือง มูลค่าเงินลงทุน 400 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 18 เดือน คาดเริ่มผลิตได้ในปี 64 โดยระยะแรกผลิต 10,000 ลบ.ม./วัน ซึ่งแหล่งเงินลงทุนมาจากกระแสเงินสดของบริษัท ทั้งนี้ เบื้องต้นจะได้รับสัญญาสัมปทาน 30 ปี และสามารถขยายเวลา 2 ครั้ง ๆ ละ 10 ปี
ส่วนการลงทุนโรงผลิตน้ำประปาในเมืองเมียวดีและเมืองพะอันในเมียนมา อยู่ระหว่างศึกษาความต้องการใช้น้ำ คาดว่าจะความชัดเจนในช่วงครึ่งหลังปีนี้ โดยประเมินในเบื้อต้นจะลงทุนขนาดกำลังการผลิต 40,000 ลบ.ม./วัน แต่มูลค่าลงทุนต้องพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้งซึ่งมีแนวโน้มใช้เงินลงทุนมากกว่า 400 ล้านบาท
"เราต้องการศึกษาให้ชัดเจนก่อนที่จะลงทุน...การศึกษาจะดู Seasonal ของน้ำที่จะนำมาใช้การผลิต เมืองเมียวดีมีการเติบโตมาก แต่น้ำดิบใกล้แม่น้ำเมยไม่ค่อยมีคุณภาพเพราะมีการทิ้งขยะ และยังมีปัญหาน้ำไม่พอ"นางสาววลัยณัฐ กล่าว
นางสาววลัยณัฐ กล่าวเสริมว่า บริษัทยังได้ศึกษาลงทุนโรงผลิตน้ำประปาในเมืองย่างกุ้งด้วย แต่เห็นว่าไม่คุ้มค่ากับการลงทุน ขณะที่เมืองมัณฑะเลย์ มีผู้ผลิตน้ำประปาหลายรายแล้ว นอกจากนี้ ยังได้ศึกษาการลงทุนโรงผลิตน้ำประปาที่เมืองเสียมเรียบในกัมพูชาด้วย ส่วนในลาวยังเห็นว่าการเติบโตช้าไม่คุ้มค่าการลงทุน
สำหรับการดำเนินงานในประเทศ บริษัทมีความสนใจเข้าไปลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และพื้นที่ท่องเที่ยว อาทิ ภูเก็ต สมุย เป็นต้น แต่ต้องรอนโยบายจากภาครัฐว่าจะเปิดให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนอย่างไร ทั้งนี้ บริษัทได้ติดตามข้อมูลในพื้นที่ EEC เกี่ยวกับโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานด้านน้ำจากหน่วยงานรัฐที่ส่งเสริมให้เอกชนร่วมลงทุน (PPP) และการซื้อสิทธิบริหารจัดการโครงการน้ำจากภาคเอกชนขนาดใหญ่ที่เหมาะสม รวมทั้งธุรกิจบำบัดน้ำเสียก็กำลังศึกษาดำเนินการที่นิคมอุตสาหกรรมอื่น จากปัจจุบันมี 2 แห่งที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน และนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ส่วนงบลงทุนในปีนี้ตั้งงบไว้ 50 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับปรุงปรุงโรงงานผลิตน้ำประปาปัจจุบัน
ด้านนายสมเกียรติ ปัทมมงคลชัย ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน ของ TTW คาดว่าในปี 61 บริษัทจะมียอดขายน้ำเติบโตไม่ต่ำกว่า 3% จากปีก่อนที่มียอดขายน้ำ 282 ล้าน ลบ.ม.
ขณะที่บริษัทได้ลดภาระต้นทุนทางการเงินอย่างต่อเนื่อง โดยปลายปีก่อนได้คืนเงินกู้ก่อนครบกำหนด จำนวน 1.7 พันล้านบาท ช่วยลดดอกเบี้ยจ่าย 20 ล้านบาท ช่วยลดค้นทุนค่าใช้จ่ายด้านเงินในปี 61 และทำให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลงมาที่ 0.9 เท่า จากสิ้นปี 60 อยู่ที่ 1 เท่า ขณะที่บริษัทยังสามารถเพิ่มวงเงินกู้ได้อีกราว 1 หมื่นล้านบาท
ปัจจุบันบริษัทมีเงินกู้กับสถาบันการเงินและหุ้นกู้รวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นกู้ 6.4 พันล้านบาท และเงินกู้สถาบันราว 4.3 พันล้านบาท ส่วนใหญ่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ ส่วนที่มีดอกเบี้ยลอยตัวเป็นเงินต้น 500-600 ล้านบาทเท่านั้น จึงไม่กังวลว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้น ส่วนในเดือน ก.พ.62 บริษัทมีหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอน 1.5 พันล้านบาท ซึ่งกำลังพิจารณาว่าจะนำเงินจ่ายคืนหุ้นกู้ หรือจะออกหุ้นกู้ใหม่ทดแทนหุ้นกู้เดิม