นายอมร จุฬาลักษณานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ เอไอเอ็ม อินดัสเทรียล โกรท (AIMIRT) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ามูลค่ากองทรัสต์ AIMIRT ภายใน 2-3 ปีนี้จะเติบโต 2-3 เท่า จากปัจจุบันที่มีขนาดสินทรัพย์ 2.14 พันล้านบาท
โดยในปีนี้แผนจะเพิ่มทุนในกองทรัสต์เพิ่มเติมอีก ด้วยการเข้าซื้อสินทรัพย์ประเภทห้องเย็นให้เช่าจาก บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ (JWD) พื้นที่ 2,800 ตารางเมตร คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในปีนี้ พร้อมทั้งอยู่ระหว่างพิจารณาเข้าซื้อสินทรัพย์จากผู้ประกอบการรายอื่นอีกหลายราย ซึ่งเป็นสินทรัพย์ประเภทคลังสินค้าและห้องเย็นให้เช่าที่อยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้
ขณะเดียวกัน บริษัทก็อยู่ระหว่างศึกษาเพื่อจัดตั้งกองทรัสต์ประเภทอื่นๆ โดยมีความสนใจเข้าลงทุนในสินทรัพย์ทุกกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น โรงแรม ,ออฟฟิศ และค้าปลีก เป็นต้น
"ปีนี้เรายังให้ความสำคัญกับทรัพย์สินที่เราลงทุนไปแล้ว ส่วนสินทรัพย์อื่นๆ เราก็อยู่ระหว่างศึกษาในสินทรัพย์ที่มีความหลากหลายมากขึ้น โดยเราก็มีความพร้อมของทีมงานในการพิจารณาเพื่อให้เหมาะสมกับผู้ถือหน่วยลงทุน อย่างไรก็ตามการเพิ่มทุนเราไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นรายเดิม ซึ่งก็มีผู้ประกอบการหลายรายสนใจที่จะลงทนในกองของเรา" นายอมร กล่าว
สำหรับการเข้าลงทุนครั้งแรกในกรรมสิทธิ์ห้องเย็นและคลังสินค้าของกลุ่ม JWD และคลังสินค้าของกลุ่มบริษัท ทิพย์โฮลดิ้ง จำกัด (TIP) โดยทรัพย์สินที่เข้าลงทุนนั้นมีผลการดำเนินงานที่ดี มีอัตราการเช่าพื้นที่ ณ สิ้นปีที่ผ่านมาเต็ม 100% บริษัทมั่นใจว่าจะให้อัตราผลตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยในปีแรกได้ประมาณ 7.38% ตามที่คาดการณ์ และจะมีการจ่ายเงินปันผล 2 ครั้ง/ปี
นายอมร กล่าวว่า ภาพรวมกองทรัสต์ในปัจจุบันมีการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) แล้วจำนวน 21 กอง โดยในปีที่ผ่านมาถือเป็นปีที่มีความคึกคัก เนื่องจากมีกองทรัสต์ใหม่ที่เข้าจดทะเบียน 6 กอง ซึ่งเป็นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์หลากหลายประเภท แบ่งเป็น กองทรัสต์ประเภทอาคารสำนักงาน 3 กอง ได้แก่ GLANDRT, BOFFICE และ B-WORK ,กองทรัสต์ประเภทโรงแรม 2 กอง ได้แก่ GAHREIT และ SHREIT และกองทรัสต์ประเภทห้องเย็น คลังสินค้า โรงงาน 1 กอง ได้แก่ AIMIRT
รวมถึงยังมีพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ที่แปลงสภาพเป็นกองทรัสต์ ก่อนที่จะสิ้นสุดมาตรการให้สิทธิประโยชน์การลดภาษีและค่าธรรมเนียมการโอนทรัพย์สินที่แปลงสภาพเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.60 อีกกว่า 7 กอง ได้แก่ CPNRF แปลงสภาพเป็น CPNREIT, SSTSS แปลงสภาพเป็น SSTRT, DTCPF แปลงสภาพเป็น DREIT
และพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ที่แปลงสภาพเข้ามารวมกับกองทรัสต์ที่จัดตั้งอยู่ก่อนแล้ว ได้แก่ WHAPF ที่แปลงสภาพมารวมกับ WHART และ TFUND TLOGIS TGROWTH ที่แปลงสภาพมารวมกับ TREIT
ขณะที่ภาพรวมผลตอบแทนของกองทรัสต์ในตลาดนั้น เฉลี่ยแล้วให้ผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้ แต่มีความเสี่ยงต่ำกว่าการลงทุนในหุ้น จึงทำให้การลงทุนในกองทรัสต์เป็นทางเลือกที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสม่ำเสมอในระยะยาว โดยเฉพาะในภาวะที่ตลาดหุ้นยังมีความผันผวน เช่นเดียวกับทางด้านผู้ประกอบการที่มีแนวโน้มให้ความสนใจนำอสังหาริมทรัพย์ที่มีรายได้จากค่าเช่ามาระดมทุนผ่านการจัดตั้งกองทรัสต์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายจรัสฤทธิ์ อรรถเวทยวรวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า ประเมินแนวโน้มภาพรวมการจัดตั้งของกองทรัสต์ในประเทศไทยในปีนี้จะมีการจัดตั้งกองทรัสต์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอาจจะเห็นการแปลงสภาพพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์เป็นกองทรัสต์เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีข้อกำหนดที่ยืดหยุ่นกว่า ถึงแม้ปัจจุบันได้สิ้นสุดระยะเวลาให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและลดค่าธรรมเนียมต่างๆ ในการแปลงสภาพไปแล้วกฺตาม