น.ส.อรลดา เผ่าวิบูล กรรมการบริหารและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยเศรษฐกิจประกันภัย (TSI) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินการดำเนินธุรกิจในปีนี้ตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยรับรวม 1 พันล้านบาท เติบโต 20% จากปีก่อนที่ 827.24 ล้านบาท โดยวางเป้าหมายรักษาฐานลูกค้าประกันภัยกลุ่ม Motor ที่มีสัดส่วน 75% พร้อมขยายสู่ลูกค้าใหม่ซึ่งเป็นลูกค้าองค์กรและรายย่อยมากขึ้น รวมทั้งตั้งเป้าขยายธุรกิจ Non Motor ด้วยผลิตภัณฑ์ประกันภัยครบวงจร ทั้งประกันอัคคีภัย ประกันภัยธุรกิจ SME ประกันภัยบ้าน ประกันภัยทรัพย์สิน ประกันภัยวิศวกรรม ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ประกันภัยทางทะเลและขนส่ง
ทั้งนี้ บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการดึงพันธมิตรใหม่ซึ่งอยู่ในกลุ่มธุรกิจการเงิน อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง เข้ามาร่วมทุน 98.2 ล้านบาท เพื่อมาเสริมทัพให้สามารถก้าวเดินได้อย่างแข็งแกร่งทั้งการต่อยอดธุรกิจและสร้างความมั่นคงในด้านเงินทุน
นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างศึกษาธุรกิจใหม่เพื่อต่อยอดผลิตภัณฑ์ประกันภัย โดยอยู่ระหว่างหาพันธมิตรใหม่ เพื่อสามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้ร่วมกัน ซึ่งจะเห็นความชัดเจนในช่วงไตรมาส 3/61 และในปีนี้คาดว่าจะนำเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ควมมต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป
ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ TSI SME Strong Business ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบเพื่อสนับสนุนกลุ่ม SME ตั้งแต่ร้านค้ารายย่อยจนถึงบริษัทผู้ประกอบการ ด้วยเบี้ยประกันภัยเริ่มต้นเพียง 555 บาท ครอบคลุมการประกันภัยทุกรูปแบบทั้งไฟไหม้ ภัยธรรมชาติ การโจรกรรม การชดเชยสูญเสียรายได้ เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างอุ่นใจ นอกจากนี้ยังเน้นการรับประกันภัยที่มีคุณภาพโดยไม่แข่งขันด้านราคา พร้อมเพิ่มช่องทางการตลาดด้วยการจัดตั้งทีมงานรุกเข้าถึงลูกค้าองค์กรโดยตรง
น.ส.อรลดา กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบการทำงานภายในให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ประกอบกับการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและไอทีที่ช่วยเสริมศักยภาพในการทำงานให้มีความรวดเร็ว ตอบโจทย์และสนองความต้องการของลูกค้า ซึ่งในส่วนของการลงทุนด้านเทคโนโลยีและไอทีในช่วง 3 ปี (ปี 61-63) บริษัทคาดว่าจะใช้งบลงทุนทั้งหมดในหลักสิบล้านบาท โดยในช่วงแรกจะพัฒนาในส่วนของเว็บไซต์และโมบายล์แอพพลิเคชั่น เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในเรื่องบริการแจ้งเคลมของลูกค้า ซึ่งเป็นบริการหลักที่บริษัทจะต้องมีการพัฒนา
ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทยังไม่เข้าไปรุกตลาดมาก เพราะยังเป็นช่วงของการปรับปรุงกระบวนการภายในและพัฒนาด้านไอที แต่ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะกลับมารุกตลาดมากขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3/61 โดยจะมีการรีแบรนดิ้ง พร้อมกับการทำการตลาดผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ พร้อมกับเตรียมออกผลิตภัณฑ์ประกันภัยใหม่ที่เป็นผลิตภัณฑ์ประกันภัยกลุ่ม Motor 2 รายการ และผลิตภัณฑ์ประกันภัยกลุ่ม Non Motor 2 รายการ ซึ่งจะเข้ามาช่วยผลักดันให้เบี้ยประกันภัยรับรวมของบริษัททำได้ตามเป้า 1 หมื่นล้านบาทในช่วงสิ้นปีนี้
พร้อมกันนั้น บริษัทตั้งเป้าหมายในช่วง 3 ปีนี้ (ปี 61-63) จะมีเบี้ยรับรวมเพิ่มขึ้นเป็น 1.2 พันล้านบาท และจะทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทพลิกฟื้นกลับมาดีขึ้นจากที่ขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทมองแนวโน้มผลการดำเนินงานในภาพรวมจะกลับมาฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าภาพรวมการแข่งขันของธุรกิจประกันภัยจะแข่งขันกันอย่างรุนแรง และมีการตัดราคากัน แต่บริษัทจะหันไปเน้นด้านคุณภาพแทน และรักษาฐานลูกค้าให้มาใช้บริการประกันภัยของบริษัทอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการขยายฐานลูกค้าใหม่จากการต่อยอดผลิตภัณฑ์ประกันใหม่ๆ เช่น ประกันสุขภาพที่เป็นหนึ่งผลิตภัณฑ์ประกันที่บริษัทสามารถทำได้ แต่จะต้องหาทีมงานผู้เชี่ยวชาญมาร่วมกันผลักดันเบี้ยประกันภัย
"เรากลับมาครั้งนี้ไม่ได้เป็นการพลิกฟื้นธุรกิจมาเพื่อเตรียมขายให้กับใคร แต่เป็นการกลับมาเดินหน้าธุรกิจของเราอย่างจริงจัง และลร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ หลังจากที่มีผู้ถือหุ้นใหม่เข้ามาเสริมศักยภาพ ตอนนี้ก็อยู่ระหว่างการปรับเปลี่ยนงานภายในและหาทีมใหม่เข้ามาเสริม และการลงทุนด้านไอทีที่เราจะมุ่งเน้นประสิทธิภาพการบริการมากกว่าการแข่งขันด้านราคา ซึ่งภายใน 3 ปีนี้จะเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัท"น.ส.อรลดา กล่าว