บมจ.ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ (TEAMG) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (Filing) ฉบับแรกต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 180 ล้านหุ้น และมีความประสงค์จะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยมี บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
วัตถุประสงค์ของการระดมทุนในครั้งนี้เพื่อลงทุนในระบบคอมพิวเตอร์ ซอฟท์แวร์ และเทคโนโลยีก้าวหน้า เพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้บริการ นอกจากนี้ยังใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยคาดว่าจะใช้เงินภายในปี 62
บริษัทประกอบธุรกิจเป็นที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมและสิ่งแวดล้อมแบบบูรณาการ (Integrated Consulting Services) และจัดทำรายงานประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) โดยสามารถให้บริการแบบเบ็ดเสร็จในจุดเดียว (One-stop Service) ให้แก่ลูกค้าได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์และรวดเร็ว
TEAMG มีบริษัทย่อยทั้งสิ้น 6 บริษัท ได้แก่ 1) บริษัท เอทีที คอนซัลแตนท์ จำกัด (ATT) ดำเนินธุรกิจที่ปรึกษาด้านพลังงาน ไฟฟ้า น้ำมัน ก๊าซ ปิโตรเคมี และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง รวมทั้งท่าเรือและสาธารณูปโภค 2) บริษัท วิศวกรรมธรณีและฐานราก จำกัด (GFE) ดำเนินธุรกิจที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมธรณีเทคนิค ฐานราก และโครงสร้างใต้ดิน 3) บริษัท ทีม คอนสตรัคชั่น แมเนจเมนท์ จำกัด (TEAM-CM) ดำเนินธุรกิจที่ปรึกษาด้านการบริหาร และควบคุมงานก่อสร้างอาคารทุกประเภท
4) บริษัท เอสคิว อาร์คีเต็ค แอนด์ แปลนเนอร์ จำกัด (SQ) ดำเนินธุรกิจผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผน ออกแบบสถาปัตยกรรม ตกแต่งภายใน ภูมิสถาปัตยกรรม และการพัฒนาเมือง 5) บริษัท ทีแอลที คอนซัลแตนส์ จำกัด (TLT) ดำเนินธุรกิจที่ปรึกษาในการจัดทำรายงานประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) และ 6) LTEAM Sole Company Limited (LTEAM) ดำเนินธุรกิจที่ปรึกษาในการจัดทำรายงานประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) โดยให้บริการในประเทศ สปป.ลาว
บริษัทและบริษัทย่อยมีโครงการในอนาคต ได้แก่ การลงทุนเพิ่มเติมในระบบคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และซอฟต์แวร์ ในการทำงานด้านการศึกษาและออกแบบงานก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้าง เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจที่ปรึกษาในภูมิภาคอาเซียน, ลงทุนเพิ่มเติมในอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ในขั้นตอนการศึกษาสภาพภูมิประเทศ และลงทุนสร้างบุคลากรเพื่อรองรับแผนการขยายฐานลูกค้าต่างประเทศ เนื่องจากปัจจุบัน มีบุคลากรด้านวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาต 608 คนส่วนใหญ่ทำงานในประเทศเป็นหลัก
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงปี 58-60 รายได้จากการให้บริการอยู่ที่ 1,485.20 ล้านบาทในปี 58 และเพิ่มขึ้นเป็น 1,648.18 ล้านบาทในปี 59 จากนั้นลดลงมาที่ 1,590.19 ล้านบาทในปี 60 ขณะที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 51.31 ล้านบาทในปี 58 มาเป็น 96.23 ล้านบาทในปี 59 และในปี 60 เพิ่มขึ้นเป็น 98.70 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 3.40%, 5.73% และ 6.14% ของรายได้รวม ตามลำดับ
ณ สิ้นปี 60 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 1,305.14 ล้านบาท หนี้สินรวม 833.13 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 472.01 ล้านบาท
ปัจจุบัน บริษัทมีทุนจดทะเบียนเท่ากับ 340,000,000 บาท โดยเป็นทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้วเท่ากับ 250,000,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 500,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ภายหลังจากการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้วเต็มมูลค่าเท่ากับ 340,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 680,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ณ วันที่ 12 มี.ค.61 ประกอบด้วย กลุ่ม ดร.ประเสริฐ ภัทรมัย ถือหุ้น 92,383,600 หุ้น คิดเป็น 18.48% หลังเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 13.59%, กลุ่ม นายพีรวัธน์ เปรมชื่น ถือหุ้น 56,471,200 หุ้น คิดเป็น 11.29% จะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 8.30%, กลุ่ม ดร.ธนสาร ก้วยเจริญพานิชก์ ถือหุ้น 42,064,600 หุ้น คิดเป็น 8.41% จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 6.19%, กลุ่ม นายวีระ สุธีโสภณ ถือหุ้น 23,259,400 หุ้น คิดเป็น 4.65% จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 3.42%
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นแต่ละปีไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และหักสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนด