(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่ง Sideway วอลุ่มเบาบางหลังใกล้วันหยุดเทศกาล ,จับตาประเด็นการค้าจีน-สหรัฐฯรอบใหม่

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday April 9, 2018 09:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้คาดว่าจะเคลื่อนไหว Sideway โดยวันนี้ตลาดจะค่อนข้างเงียบ ตามบรรยากาศเทศกาลหยุดยาว โดยคาดว่าวอลุ่มการซื้อขายวันนี้จะค่อนข้างเบาบาง

ทั้งนี้ ยังต้องติดตามการทำสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยเฉพาะประเด็นที่จีนจะมีท่าทีโต้ตอบสหรัฐฯอย่างไรหลังเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาสหรัฐฯจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ

ขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เปิดการซื้อขายในเช้าวันนี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก อาทิ เกาหลีใต้ ,ฮ่องกง

พร้อมให้แนวรับ 1,730 จุด ส่วนแนวต้าน 1,745 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (6 เม.ย.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,932.76 จุด ลดลง 572.46 จุด (-2.34%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,604.47 จุด ลดลง 58.37 จุด (-2.19%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,915.11 จุด ลดลง 161.44 จุด (-2.28%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 33.19 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 5.67 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 259.38 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 58.61 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 5.43 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 10.22 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.67 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (5 เม.ย.61) 1,739.92 จุด เพิ่มขึ้น 14.94 จุด(+0.87%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,252.55 ล้านบาท เมื่อวันที่ 5 เม.ย.61
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (6 เม.ย.61) ปิดที่ระดับ 62.06
ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.48 ดอลลาร์ หรือ 2.3%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (6 เม.ย.61) ที่ 6.80 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.24 แนวโน้มแกว่งแคบ-วอลุ่มบางก่อนหยุดยาว รอความชัดเจนเรื่องสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน
  • สมาคมค้าทองคำประเมินทิศทางราคาทองคำไตรมาส 2 ขาขึ้น หลังปัจจัยสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯยังระอุ ป่วนการเติบโตของเศรษฐกิจโลก แนะนักลงทุนรอจังหวะราคาลดลงต่ำกว่า 2 หมื่นบาทเข้าลงทุน พร้อมเตือนผู้ถือสถานะฟิวเจอร์ส ฝั่ง short ลดการลงทุน หลังเข้าใกล้ช่วงหยุดยาว
  • เลขาธิการกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า กลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน ได้ทำหนังสือขอเข้าพบ นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน เพื่อรับทราบนโยบายพลังงานทดแทน โดยเฉพาะนโยบายที่จะหยุดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากกังวลว่าจะทำให้เกิดผลกระทบหลายด้าน โดยเฉพาะแนวโน้มการใช้พลังงานของโลกที่ไปทางพลังงานสะอาด
  • ภาพรวมการแข่งขันของตลาดวัสดุก่อสร้างในปีนี้ คาดว่ายังคงรุนแรงเหมือนกับทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีสินค้านำเข้าจากอินเดีย ซึ่งคุณภาพสินค้ามีความคุ้มค่าเหมาะสมกับราคาต่างจากสินค้าของจีนที่ยังเน้นตลาดล่างราคาถูกเข้ามาทำตลาดมากขึ้น
  • สนพ.ชงกบง.เคาะโครงสร้างราคาน้ำมันใหม่ 20 เม.ย.นี้ ตัดค่าพรีเมียมสูตรน้ำมันดีเซล 2.40 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรลทิ้ง ส่งผลดีต่อผู้บริโภคใช้น้ำมันถูกลงโรงกลั่นน้ำมันรอลุ้นยันไม่กระทบต้นทุนเหตุธุรกิจน้ำมันเปิดเสรี

*หุ้นเด่นวันนี้

  • BEM (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 10 บาท แนวโน้มกำไร Q1/61 เติบโตดีทั้ง Q-Q และ Y-Y จากสถิติ 2M61 ทั้งจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน +8.4% Y-Y และปริมาณรถบนทางด่วนเพิ่มขึ้นทุกเส้นทาง +2.6% Y-Y โดยเฉพาะทางด่วนศรีรัชรอบนอกที่ทำจุดสูงสุดใหม่ 5.7 หมื่นคันต่อวัน (+24% Y-Y) พร้อมคาดกำไรปีนี้ +18% Y-Y เป็น 3.7 พันล้านบาท จากต้นทุนที่ลดลงตามการขยายอายุสัมปทานรถไฟฟ้าสีน้ำเงิน และการเชื่อมต่อสถานีเตาปูน-บางซื่อเต็มปี และมี Upside จากการเปิดประมูลทางด่วน 2 สาย และรถไฟฟ้าสีม่วงใต้ ซึ่ง BEM มีความได้เปรียบเพราะเป็นส่วนต่อเนื่องจากของเดิมที่มี
  • THANI (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 8.20 บาท คาดกำไรสุทธิ Q1/61 ที่ 338 ล้านบาท ขยายตัว 38% YoY และ 6% QoQ จากการขยายตัวของสินเชื่อเช่าซื้อที่ประมาณ 5%YTD โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกใหม่ที่มองว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลงตามการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าเดิม นอกจากนี้มองผลการดำเนินงานในปี 2561 บริษัทจะยังคงขยายตัวจากความต้องการใช้รถบรรทุกที่เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และการขยายสินเชื่อเช่าซื้อเชิงรุก รวมทั้งบริษัทจะยังตั้งสำรองส่วนเกินเพียงพอต่อ TFRS9 โดยรวมคาดกำไรสุทธิปี 2561 ที่ 1.5 พันล้านบาท ขยายตัว 30% โดยเป็นผลกระทบจาก dilution effect ของหุ้นปันผล (4 หุ้นเก่า:1 หุ้นใหม่) เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ที่ผ่านมา และการปรับลด PBV multiplier ลงจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจากการควบคุมของกระทรวงการคลังโดย
  • TU (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า 22.10 บาท แม้คาดกำไร Q1/61 ชะลอตัวลง แต่ยังคงประมาณการเดิม โดยคาดกำไรริ่มฟื้นตัวใน Q2/61 เป็นต้นไป อัตรากำไรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการปรับราคาขายสินค้าทูน่า ขณะที่ธุรกิจแซลมอนยังคงคาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนได้ภายในปลายปีนี้จากการเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิต ส่วนธุรกิจส่งออกกุ้งคาดว่าเติบโตได้ต่อเนื่อง
  • MINT (กรุงศรี)"ซื้อ"เป้า 47 บาท ราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวลงจากข่าวเข้าซื้อกิจการในสเปนมากเกินไป ส่งผลให้ Valuation ในปัจจุบันปรับตัวลงและถูกกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มโดย มี P/E ซื้อขายเฉลี่ยเพียง 28 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยของ Sector ที่ 30-35 เท่า แนวโน้มของกำไรยังเติบโตโดดเด่นประมาณ 18-21% ต่อปีไปอีก 3 ปีข้างหน้า จากแนวโน้มธุรกิจท่องเที่ยวที่ดีขึ้นและธุรกิจร้านอาหารปรับตัวดีขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ