ส.นักวิเคราะห์ฯ เผยผลสำรวจคาด SET สิ้นเม.ย.กลับขึ้นมาที่ 1,792 จุด เป้าหมายสิ้นปี 61 ที่ 1,879 จุด รับผลบวกศก.ในปท.หนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday April 9, 2018 17:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการและกรรมการผู้อำนวยการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดเผยว่า ผลการสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนพบว่ายังคาดการณ์ดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ณ สิ้นเดือนเม.ย. จะกลับขึ้นไปเฉลี่ยอยู่ที่ 1,792 จุด และเมื่อมองไปถึงสิ้นปี 61 คาดการณ์จุดต่ำสุดของ SET ระหว่างปีมีค่าเฉลี่ยที่ 1,703 จุด ซึ่งเป็นตัวเลขคาดการณ์ที่ต่ำสุดในรอบสามเดือนจากการสำรวจของสมาคมฯ ขณะที่จุดสูงสุดของ SET ระหว่างปีมีค่าเฉลี่ยที่ระดับ 1,909 จุด ซึ่งมีผู้ตอบแบบสอบถาม 73.08% ที่คาดว่าดัชนีจะทำจุดสูงสุดในกรอบตั้งแต่ 1,900 จุดขึ้นไปซึ่งใกล้เคียงกับผลสำรวจของเดือนมี.ค.ที่มองว่าจุดสูงสุดของ SET จะอยู่ที่ 1,910 จุด

สำหรับผลสำรวจความเห็นต่อเป้าหมายดัชนี ณ วันสิ้นปี 61 มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1,879 จุด โดยมีผู้ตอบที่คาดว่าดัชนี ณ วันสิ้นปี 61 จะอยู่ต่ำกว่า 1,800 จุดเพียง 10% เท่านั้น

ทั้งนี้ ผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุน ส่วนใหญ่ 64.71% มองว่าดัชนี SET ในระยะสั้นยังคงเป็น Sideways หรือไม่เปลี่ยนแปลงไปมาก ขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถาม 20.59% มีมุมมองต่อตลาดในทิศทางลบ และส่วนน้อยที่เหลือมองว่าตลาดจะเปลี่ยนแปลงในทิศทางบวกคิดเป็น 14.71%

สมาคมฯได้ทำการสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนต่อมุมมองในด้านการลงทุน และคาดการณ์ทิศทางดัชนี SET Index ในระยะ 1 เดือนข้างหน้า และต่อเป้าหมายของดัชนี SET Index ในปี 61 โดยมีตัวแทนผู้ตอบแบบสอบถามจากบริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม ทั้งหมด 34 บริษัท แบ่งเป็น บริษัทหลักทรัพย์จำนวน 26 บริษัท ,บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจำนวน 7 บริษัท และธุรกิจโกลด์ฟิวส์เจอร์ส 1 บริษัท

นายสมบัติ กล่าวว่า ปัจจัยที่มีผลต่อดัชนี SET ในระยะสั้นมากที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ ปัจจัยด้านสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับประเทศคู่ค้า ที่มีผลกระทบมากเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมา คือปัจจัยด้านเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ส่วนปัจจัยด้านการเมืองในประเทศ รวมทั้งการเลือกตั้งส่งผลต่อดัชนีเป็นลำดับสาม

เมื่อมองภาพยาวไปตลอดปี ปัจจัยที่ถูกคาดว่าจะส่งผลในด้านบวก ได้แก่ เศรษฐกิจภายในประเทศรวมถึงผลประกอบการของบจ. การเมืองต่างประเทศ และ Fund Flows สู่ตลาดทุนไทย ขณะที่ปัจจัยที่ส่งผลในด้านลบ ได้แก่ ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ปัจจัยด้านเศรษฐกิจต่างประเทศทั้งสหรัฐฯ ยุโรป และปัจจัยด้านการเมืองในประเทศ

ทั้งนี้ คาดการกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ของตลาดเฉลี่ยที่ 111.93 บาท จากผู้ตอบส่วนใหญ่อยู่ที่ระดับ 110-114.99 บาท โดย ณ สิ้นปี 61 EPS มีค่าเฉลี่ยที่ระดับ 111.93 บาท และ EPS Growth เฉลี่ยอยู่ที่ 11.89% ส่วนคาดการณ์ Forward P/E สำหรับปี 61 เฉลี่ยที่ระดับ 16.21 เท่า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ